เมื่อได้ยินคำว่าป้อนเอง อินชิงเสวียนก็นึกถึงฉากในภาพยนตร์ที่ชายและหญิงป้อนยาแบบปากต่อปาก แล้วจึงรู้สึกร้อนหูอยู่มิวาย
“ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันดื่มเอง”
นางรีบคว้าชามยา ดื่มยาในอึกเดียว และทันใดนั้นใบหน้าแห่งความขมขื่นก็ปรากฏขึ้น
เย่จิ่งอวี้หยิบผลไม้แช่อิ่มจากมือของอวิ๋นฉ่ายมาส่งให้นาง
“รีบกินซะ จะได้หายขม”
อินชิงเสวียนยัดเข้าไปในปากของตัวเองทันที แล้วรสหวานอมเปรี้ยวก็แผ่ซ่านอยู่ในปาก ทำให้รู้สึกความสุขยิ่ง
เมื่อเห็นปากของอินชิงเสวียนขยับ เสี่ยวหนานเฟิงก็โน้มตัวไปข้างหน้า ยื่นมือเล็กๆ ของเขาออกมา คว้าผลไม้แช่อิ่มชิ้นหนึ่ง หมายจุยัดมันเข้าปากตัวเอง
อินชิงเสวียนตกใจ “รีบแย่งคืนเร็ว!”
เย่จิ่งอวี้มือไวตาไวรีบคว้าผลไม้แช่อิ่มอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหนานเฟิงจึงได้กินแต่อากาศ
ดวงตาสีดำโตของเขาจ้องเป๋ง ทำริมฝีปากขมุบขมิบ ไม่เห็นมีรสชาติอะไรเลย จากนั้นเขาก็มองดูผลไม้แช่อิ่มที่อยู่ในมือของเย่จิ่งอวี้ ปากเล็กเบะออก แล้วน้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลออกมาทันที
เมื่อเห็นลูกร้องไห้ เย่จิ่งอวี้ก็ตื่นตระหนกทันที
“ทำอย่างไรดี มีอะไรที่เขากินได้บ้าง รีบเอามาเร็ว”
เสี่ยวหนานเฟิงชี้ไปที่ผลไม้แช่อิ่ม ขณะที่น้ำตาไหลเงียบๆ ปากก็เบะออก ท่าทางนั้นดูน่าสงสารมาก
อินชิงเสวียนยืนอยู่บนพื้นด้วยเท้าเปล่า คว้าผลไม้แช่อิ่มจากมือของเย่จิ่งอวี้ แล้วให้เสี่ยวหนานเฟิง เลียคำหนึ่ง เมื่อเสี่ยวหนานเฟิงได้ลิ้มรสความหวาน น้ำตาก็หายไปทันที ดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวเล็กๆ คู่หนึ่ง
อินชิงเสวียนจิ้มหน้าผากของเขาเบาๆ “เจ้าแมวน้อยตะกละ”
“แมวแมว...”
เสี่ยวหนานเฟิงพูดตาม จากนั้นก็อ้าปากอีก เพื่อขอผลไม้แช่อิ่มจากอินชิงเสวียน
อินชิงเสวียนพูดอย่างอดทน “เสี่ยวหนานเฟิงเด็กดี สิ่งนี้กินมากๆ ไม่ดี เจ้ายังเด็กเกินไป รอให้อายุหนึ่งขวบก่อนค่อยกินนะ”
จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงวันครบรอบอายุหนึ่งร้อยวันของเสี่ยวหนานเฟิงได้ รีบถามว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าใกล้ถึงวันครบรอบวันเกิดครบหนึ่งร้อยวันของจ้าวเอ๋อร์แล้ว แล้วมันเมื่อใดกันหรือ เรื่องมงคลเช่นนี้ต้องเฉลิมฉลองให้ดี”
อินชิงเสวียนยักไหล่พูดว่า “วันคล้ายวันประสูติของไทเฮาอย่างไรล่ะพะที่ครบรอบวันเกิดครบหนึ่งร้อยวันของเขา ไม่เป็นไรหรอก รอให้ครบขวบค่อยเฉลิมฉลองก็ไม่ลายเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วถามว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ล่ะ”
อินชิงเสวียนหันหลังกลับ แล้วกินผลไม้แช่อิ่มลับหลังเสี่ยวหนานเฟิง
แล้วพูดอย่างคลุมเครือ “ถ้าบอกแต่แรกจะทำอะไรได้ จะให้ขุนนางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนมาอวยพรเด็กแล้วทิ้งไทเฮาไว้ก็คงไม่ได้ ทำเช่นนั้นไม่เหมาะสม”
เย่จิ่งอวี้เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าขอโทษด้วยนะ เมื่อจ้าวเอ๋อร์อายุครบขวบ ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับเขาอย่างดีเลย”
จากนั้นอินชิงเสวียนกล่าวตอบรับ แต่คิดในใจว่า ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหนึ่งปี บางทีนางอาจจะหนีไปแล้วก็ได้
แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บหนังศีรษะ เพราะมือเล็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงดึงผมของนางไว้
“โอ้ยๆ!”
เขาอ้าปากเล็กๆ ค้นหาขนมในมือของอินชิงเสวียนทุกซอกทุกมุม ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนลูกนกตัวน้อยที่กำลังรออาหาร ทั้งน่ารักน่าเอ็นดีไปหมด
อินชิงเสวียนแบมือออก แล้วโบกมือไปมา
“ไม่มีแล้ว ถูกหนูแย่งไปแล้ว”
เสี่ยวหนานเฟิงมองดูอยู่นาน จากนั้นยืดร่างเล็กๆ จนตรง และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
ยายหลี่รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก แล้วพูดด้วยท่าทีนอบน้อมว่า “หม่อมฉันจะอุ้มองค์ชายน้อยออกไปเล่นข้างนอกสักประเดี๋ยว เขาชอบเปลมาก ถ้าได้นอนเปลรับรองว่าจะไม่ร้องไห้แน่นอนเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ไม่ค่อยถนัดในการปลอบเด็ก ดังนั้นจึงส่งลูกให้ยายหลี่
และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงร้องไห้ของเด็กก็เงียบลงจริงๆ
ทั้งสองปาดเหงื่อจากหน้าผากพร้อมกัน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้โดยปริยาย
จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันอีกครั้ง จู่ๆ บรรยากาศที่น่าอึดอัดก็ปรากฏขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...