สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 23

ซูฉ่ายเวยกำลังเตรียมตัวเข้านอน ก็ได้ยินคำพูดที่น่ายินดีเสียก่อน

นางคว้าคอเสื้อของนางกำนัลคนหนึ่งมาถามเพื่อความแน่ใจ "ฝ่าบาทเสด็จมา? ข้าได้ยินไม่ผิดไปใช่หรือไม่?"

นางกำนัลซงลั่วพูดตอบอย่างดีใจว่า "เจ้านายได้ยินไม่ผิดแล้วเพคะ ฝ่าบาทเสด็จมาเพคะ เจ้านายรีบออกไปรับเสด็จเถิดเพคะ"

ซูฉ่ายเวยทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

นางเพิ่งจะถอดเครื่องประดับออก สีปากก็ลบออกแล้ว ชะ...เช่นนี้จะไปกล้าพบผู้คนได้อย่างไร

"มานี่ รีบมาแต่งตัวให้ข้า เร็ว เอาเครื่องประดับของข้ามาด้วย สีทาปากด้วย"

ซูฉ่ายเวยรีบร้อน จนทำเครื่องประทินโฉมต่างๆ หกลงเลอะพื้นห้องไปหมด เหล่านางกำนัลที่คอยรับใช้ก็ยิ่งพากันร้อนรนจนวุ่นวาย เพื่อจะช่วยซูฉ่ายเวยแต่งตัวได้แล้วเสร็จ

เย่จิ่งอวี้เดินลงมาจากเกี้ยวที่ประทับแล้ว เขากำลังใช้สายตาอันเย็นเยียบกวาดมองไปทั่วหอ

จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "เรียกทุกคนที่อยู่ข้างในออกมาให้หมด ไม่เว้นแม้แต่เหล่าขันทีและนางกำนัล"

หลี่เต๋อฝูมองไปที่ฝ่าบาทหนึ่งครั้ง ในใจก็ได้แต่สงสัย เมื่อครู่เขายังคิดอยู่เลยว่าฝ่าบาทถูกใจในตัวหญิงงามนางนี้ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ดูจะไม่ใช่อย่างนั้น

"พ่ะย่ะค่ะ"

เขาเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว จับลำคอของตัวเองก่อนจะประกาศขึ้นเสียงดังว่า "ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้ทุกคนออกมายืนที่ลานกว้างนี้ให้หมด ทุกคนที่อยู่ภายใต้สังกัดของหอฉงฮวา ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว"

ซูฉ่ายเวยยิ่งได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งร้อนรน นางหยิบเอาแผ่นสีปากบนพื้นมาเม้มหนึ่งที สวมใส่ชุดเรียบร้อยก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที

หญิงงามซูฉ่ายเวย ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ

ด้านหลังนาง ทั้งนางกำนัลกับขันทีรวมห้าหกคน ต่างก็คุกเข่าลงอยู่ในลานเป็นแถวเดียวกัน

หลี่เต๋อฝูถือโคมไฟขึ้นก่อนจะพูดเสียงดังต่อว่า "เงยหน้าขึ้นให้หมด ให้ฝ่าบาทดูหน้าให้ชัดเจนหน่อย"

ซูฉ่ายเวยทั้งดีใจแล้วก็ตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน นางเงยหน้าขึ้นมาอย่าสั่นๆ

เห็นเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าในชุดยาวสีเขียวยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์ คิ้วงามทั้งคู่คมเข้ม สายตาเย็นชา ด้านล่างจมูกโด่งๆ นั่นมีริมฝีปากที่บางเฉียบ นัยตาคู่คมดุจตาหงส์หรี่เล็กลงเพื่อจ้องมองทุกๆ คนบนพื้นอย่างเย็นชา

แสงจันทร์ที่สาดส่องยิ่งทำให้รูปร่างสูงโปร่งของเขาบังเกิดเป็นเงาดำที่ลากยาวขึ้นไปอีก เมื่อเงานั้นพาดผ่านลงบนหัวของคนที่นั่งอยู่ ยิ่งเพิ่มระดับความน่ากลัวขึ้นไปใหญ่

ซูฉ่ายเวยรู้สึกเพียงแค่หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะระรัว เลือดทั้งหมดในกายต่างก็ไหลมารวมกันอยู่บนหัวเธอ จนเธอแทบจะเป็นลมสิ้นสติลงตรงนั้น

ฝ่าบาทหน้าตาดีมาก ดูทรงอำนาจ!

หากว่าได้รับความโปรดปราณจากฝ่าบาท เธอคิดว่าแค่นั้นก็คงจะทำให้เธอนอนตายอย่างมีความสุขแล้ว

กำลังจินตนาการว่าฝ่าบาทฉุดมือเธอขึ้นแล้วโอบเอวพาเข้าห้องไปอยู่นั่นเอง...

ก็ได้ยินเสียงต่ำเย็นชากล่าวขึ้น "ในหอนี้ มีแค่พวกเจ้าเท่านั้นเหรอ?"

ซูฉ่ายเวยตกใจพูดไม่ออก เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ปะทะเข้ากับสายตาเย็นเยือกของเย่จิ่งอวี้พอดี ทำเอาเธอตัวสั่นงันงก พูดออกไปอย่างสั่นๆ ว่า "ทูลฝ่าบาท ในหอแห่งนี้มีขันทีสามคน นางกำนัลสามคน รวมหม่อมฉันด้วยทั้งหมดเจ็ดคน ล้วนนั่งอยู่ในที่นี้หมดแล้วเพคะ"

เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังก่อนจะเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว

เขาใช้สายตาที่นุ่มลึกมองไปที่ใบหน้าทั้งหลายอย่างตั้งใจ แต่กลับไม่พบใบหน้าที่งดงามราวหยกขั้นดีนั้น ในใจเขารู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ

หรือเขาจะไม่ใช่คนของหอฉงฮวา?

เขาเหล่สายตาไปถามทันที "ใกล้ๆ นี้ยังมีตำหนักอะไรอีกบ้าง?"

หลี่เต๋อฝูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะมีก็แค่วังเย็นอีกเพียงที่เดียวเท่านั้น"

เมื่อได้ยินคำว่า "วังเย็น" เย่จิ่งอวี้ก็คิดไปถึงหญิงแพศยาหน้าไม่อาย ยอมทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองคนนั้น ทำให้ใบหน้าหล่อเหล่ายิ่งเย็นยะเยือกลงอีกหลายส่วน

หลี่เต๋อฝูเพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป เขารีบคำนับขอขมาอย่างรวดเร็วแล้วไม่กล้ากล่าววาจาอะไรเพิ่มเติมอีก

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ จากนั้นก็สะบัดชุดขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวต่อ

หลี่เต๋อฝูรีบวิ่งไปที่หน้าประตู จากนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า "ยกเกี้ยวเสด็จ กลับวัง!"

เกี้ยวที่ประทับออกจากหอฉงฮวาในเวลารวดเร็ว ซูฉ่ายเวยยังคงนั่งอึ้งอยู่บนพื้นอย่างไม่เข้าใจ

เหตุใดฝ่าบาทจึงเสด็จกลับไปแล้วล่ะ?

จะต้องเป็นเพราะนางแต่งตัวไม่ดี ทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจเป็นแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์