ขณะนี้ อินชิงเสวียนได้นำไป๋เสวี่ยออกจากวังแล้ว
นางรู้ว่าวันนั้นเจ้าสุนัขดื่มน้ำพุวิญญาณ จึงสามารถเลียตุ่มบนตัวของเสี่ยวหนานเฟิงจนหายดีได้ แต่ว่าเย่จิ่งอวี้ไม่รู้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาสงสัย จึงทำได้เพียงให้มันตามไปด้วย
ไป๋เสวี่ยไม่ค่อยได้ออกจากวัง และเมื่อได้ออกมากับอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะกระโดดไปข้างหน้าและข้างหลังด้วยความดีใจ จนม้าของอินชิงเสวียนร้องครางเสียงยาว และแทบทำให้นางไหลตกลงไป
ไป๋เสวี่ยเห่าเสียงโฮ่งไปที่ม้าทันที ม้าหยุดฝีเท้าหน้าลงราวกับมันฟังเข้าใจ และบรรทุกอินชิงเสวียนไว้อย่างระมัดระวัง
อินชิงเสวียนกลัวว่ามันจะทำให้ผู้อื่นตกใจ จึงตำหนิในทันที “อย่าวิ่งเพ่นพ่าน ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้ากลับไป”
ไป๋เสวี่ยครางหงิงๆ และเดินตามม้าของอินชิงเสวียนอย่างเชื่อฟัง
ฉินเทียนและหลี่ฉีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ทั้งสองต่างพูดว่าไป๋เสวี่ยดุร้ายและเลี้ยงยาก แต่กลายเป็นลูกแมงทันทีที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงทรงมีวิธีจริงๆ ด้วย
ในระหว่างที่ครุ่นคิดก็ได้เข้ามายังถนนเทียนเจีย
ครั้งที่ออกจากวังก่อนหน้านี้ เหล่าราษฎรยังดีๆ อยู่เลย ตอนนี้กลับมีคนจำนวนไม่น้อยนอนร้องโหยหวนอยู่ที่พื้น
หมอหลวงเหลียงรีบลงจากรถม้าทันที เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมอหลวง หมอหลวงหนุ่มสองคนเห็นเขาเป็นผู้นำ และตามเขาไปทันที
ฝ่ายซ้ายของสถานตรวจตราก็ตามอยู่ด้านหลัง และถามขึ้นว่า “หมอหลวงเหลียง เคยเห็นหรือไม่ว่าเป็นอาการของโรคอะไร?”
หมอหลวงเหลียงใช้เข็มเงินแตะฟองที่มุมปากของคนคนนั้น เมื่อตรวจดูอย่างละเอียด ก็ได้ลองดมดู
“นี่ไม่ใช่อาการป่วย แต่ถูกยาพิษเข้าแล้วจริงๆ”
ฝ่ายซ้ายของสถานตรวจตราไม่ได้รู้จักอินชิงเสวียน ขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “หรือเป็นเพราะฝนปีศาจจริงๆ เมื่อตกลงไปในบ่อน้ำจึงก่อให้เกิดเป็นสารพิษ?”
หมอหลวงเหลียงเหลือบมองอินชิงเสวียนที่นั่งบนหลังม้า กระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “ฝนที่ตกจากท้องฟ้าจะเป็นพิษได้อย่างไร ขอให้ท่านใต้เท้าส่งคนตักน้ำจากบ่อขึ้นมาด้วย เพื่อที่ข้าจะได้ตรวจดู”
ฝ่ายซ้ายของสถานตรวจตราตบที่ศีรษะของตัวเองและพูดว่า “ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน ใต้เท้าเฒ่ารอสักครู่ ข้าจะส่งคนไปตักน้ำเดี๋ยวนี้”
ซ่งเฉิงจี้ก็เป็นคนใจร้อน ยกชุดคลุมขึ้นก็เดินออกไปทันที
หมอหลวงเหลียงหัวเราะอย่างอึดอัดใจ พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ใต้เท้าซ่งร้อนใจแทนไพร่ฟ้าประชาชน เหนียงเหนียงอย่าได้ถือโทษ”
อินชิงเสวียนยิ้มจางๆ และพูดว่า “ใต้เท้าเฒ่าผู้นั้นมีใจรักประชาชน ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา ข้าไม่มีทางถือโทษเขาแน่นอน ไม่ทราบว่าหมอหลวงเหลียงสามารถปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่?”
หมอหลวงเหลียงส่ายหัว
“ไม่ว่าโรคใดๆ ก็ต้องตรวจหาข้อบกพร่องของโรคก่อน จึงจะสามารถปรุงยาได้ แม้ว่ากระหม่อมจะอยู่ในวงการการแพทย์มานับสิบปี แต่ก็ไม่กล้ารับประกันได้ หากจะมองให้ออกว่าเป็นพิษชนิดใดในคราเดียว จะต้องทำการทดลองและพิสูจน์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเหลียงเป็นนักวิชาการเก่าแก่ ซึ่งมีนิสัยเข้มงวดเคร่งครัด และอาศัยหลักฐานในการพูดเรื่องต่างๆ
เมื่อเห็นคนบางกลุ่มนอนกุมท้องอยู่บนพื้น อินชิงเสวียนอดร้อนใจไม่ได้
“เช่นนั้นลองใช้วิธีของข้าดูก่อน”
หมอหลวงเหลียงพูดด้วยความแปลกใจ “หรือเหนียงเหนียงมียาพ่ะย่ะค่ะ?”
“ในเมื่อโดนยาพิษจากน้ำ ก็ต้องใช้น้ำเพื่อขับไล่”
อินชิงเสวียนพูดจบก็หันหลังกลับไปมอง และเห็นร้านขายยาอยู่ทางซ้ายมือ นางจึงพูดกับฉินเทียนว่า “ไปถามครอบครัวนั้นว่าพวกเขามีถังขนาดใหญ่หรือไม่ และบอกพวกเขาว่าราชสำนักต้องการใช้งาน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเทียนรับคำสั่งและวิ่งออกไป เพียงครู่เดียวก็ได้นำเถ้าแก่ร้านยากลับมาด้วย
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางที่ไม่ธรรมดา เขาคิดว่านางเป็นขุนนางระดับสูงในเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าลงทันทีและพูดว่า “ผู้น้อยขอคารวะท่านใต้เท้า ในบ้านของผู้น้อยมีถังใบใหญ่อยู่สองใบ ใต้เท้าเลือกใช้ได้ตามต้องการเลยขอรับ”
“ขอบใจมาก”
อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ตามเถ้าแก่ร้านขายยาไปที่หลังบ้านของพวกเขา
เถ้าแก่พูดด้วยสีหน้าประจบประแจง “ผู้น้อยได้สั่งให้คนล้างถังจนสะอาดแล้ว ใต้เท้าต้องการตัวยาใดบ้าง ผู้น้อยจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้”
อินชิงเสวียนพูดเบาๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
จากนั้นก็ออกคำสั่งกับฉินเทียนและหลี่ฉีว่า “พวกเจ้าสองคนไปเฝ้าด้านนอกไว้ ข้าจะวาดยันต์เพื่อขอน้ำศักดิ์สิทธิ์”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนรับคำสั่งและถอยไปยังหน้าประตูร้านยา
อินชิงเสวียนเปิดระบบทันที และใช้คะแนนสะสมสิบคะแนนเพื่อแลกน้ำแห่งน้ำพุวิญญาณสองถังใหญ่
ไป๋เสวี่ยจ้องมองไปด้านข้างด้วยสายตาคู่หนึ่งของสุนัข เมื่อเห็นว่าน้ำในถังเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน จึงอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกและดมกลิ่น และเมื่อรู้ว่ามันเป็นน้ำพุวิญญาณก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก จึงใช้อุ้งเท้าหน้าตะกุยขึ้นแล้วกระโดดลงถังน้ำดังจ๋อม
อินชิงเสวียนถูกน้ำกระเด็นใส่ทั่วทั้งตัว ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหและรำคาญ ยื่นมือไปดึงหูของไป๋เสวี่ย
ไป๋เสวี่ยก็ดื่มมากพอแล้ว จึงกระโดดออกจากถังน้ำและสะบัดหัวใหญ่ๆ พร้อมกับเขย่าขนสีขาวบนตัวของมัน จากนั้นก็วิ่งไปหาอินชิงเสวียน ใช้อุ้งเท้าอ้วนใหญ่ทั้งสองของมันเพื่อขอบคุณ
เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้เดียงสาของสุนัข อินชิงเสวียนก็โกรธมันไม่ลง นางตบหัวอันใหญ่โตของมันแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พอแล้ว ข้ากำลังยุ่งอยู่นะ เจ้าไปรออยู่ข้างๆ ก่อน”
ไป๋เสวี่ยเห่าโฮ่งๆ และไปนอนหมอบอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขนของมันเงาวับมากกว่าเดิม เหมือนตอนที่อินชิงเสวียนอาบน้ำเป็นครั้งแรก สิ่งสกปรกสีดำคล้ายโคลนจำนวนมากไหลออกมาจากผิวหนัง หลังจากล้างสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกไปแล้ว ขนของมันก็นุ่มราวกับด้ายสีเงิน ส่องแสงกลางแสงแดด และดวงตาสุนัขคู่นั้นก็มีอารมณ์คล้ายมนุษย์เช่นกัน ดวงตาสีเข้มเปี่ยมล้นด้วยความซาบซึ้ง
อินชิงเสวียนไม่มีเวลามองไป๋เสวี่ย ทุกคนตักน้ำถ้วยแล้วถ้วยเล่า และภายในระยะเวลาอันสั้นก็ใช้น้ำพุวิญญาณถึงห้าถัง
ของสิ่งนี้ใช้ได้ไม่มีวันที่จะเหือดแห้ง อินชิงเสวียนไม่ได้เสียดาย นางเพียงเสียดายคะแนนสะสม เพราะอยู่ด้านนอก นางจึงไม่สามารถนำน้ำเข้าไปในมิติได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่ใช้มิติเพื่อกักเก็บน้ำโดยอัตโนมัติ โชคดีที่ผู้คนต่างยุ่งอยู่กับการดื่มน้ำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของพวกเขา และไม่มีใครสงสัยว่าทำไมน้ำจึงดื่มไม่หมดเสียที
เพียงชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้า
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดมารับน้ำดื่มแล้ว อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด
ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งถัง จึงเก็บไว้ให้เจ้าของร้านยา วันนี้เขาช่วยเหลือได้มากทีเดียว จึงถือว่าตอบแทนให้เป็นรางวัล
นางหันไปกวัวมือเรียกไป๋เสวี่ย คนและสุนัขก็เดินออกจากร้านยาไป
หมอหลวงเหลียงและคนอื่นๆ ยังยืนรออยู่ที่หน้าประตู หนึ่งในหมอหลวงถือไหดินหลายใบที่เต็มไปด้วยน้ำไว้ในมือ
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน หมอหลวงเหลียงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ขอบพระทัย... เอ่อ...ใต้เท้าขอรับ”
อินชิงเสวียนรู้ว่าเขากล้าเปิดเผยตัวตนของตัวนางเอง จึงยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ประชาชนในเมืองหลวงคงหายดีกันแล้ว เพียงแต่ต้นน้ำยังคงมีปัญหาอยู่ ใต้เท้าเฒ่าได้โปรดแก้ปัญหาในการค้นคว้ายาแก้พิษโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ราษฎรมีน้ำดื่ม”
หมอหลวงเหลียงรีบพูดขึ้น “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพาคนกลับไป”
ฝ่ายซ้ายของสถานตรวจตราได้รู้ตัวตนของอินชิงเสวียนแล้ว เมื่อเห็นหน้ากันในเวลานี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย เขารีบก้มศีรษะลง และโค้งคำนับไปด้านข้าง
อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ฉินเทียนและหลี่ชี จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นม้าไป
ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็วิ่งพุ่งไปด้านหน้า อินชิงเสวียนตกใจและตบม้าของนางทันทีเพื่อไล่ล่ามัน
“ไป๋เสวี่ย!”
ไป๋เสวี่ยหยุดลงในทันที เห็นเพียงคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของมัน
คนคนนี้สวมชุดคลุมหยาบๆ และดูท่าทางน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากไฟไหม้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...