สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 241

สรุปบท บทที่ 241 ความลับของหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัว: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

อ่านสรุป บทที่ 241 ความลับของหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัว จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บทที่ บทที่ 241 ความลับของหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ขณะนี้ พระอาทิตย์ได้ตกดินแล้ว

ผู้คนที่ทำการค้าขายบนถนนเทียนเจียต่างก็เก็บแผงขายของหมดแล้ว ถนนดูว่างเปล่าอย่างเห็นได้ชัด คนผู้นี้ยืนอยู่ตรงกลางของถนน ซึ่งให้ความรู้สึกสูงตระหง่านแปลกตาเล็กน้อย

ไป๋เสวี่ยยืนห่างจากเขาห้าก้าว รอให้ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขา

อินชิงเสวียนรีบตะโกนขึ้น “ไป๋เสวี่ย กัดคนมั่วซั่วไม่ได้นะ!”

ไป๋เสวี่ยกลับเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว คนคนนั้นก็ค่อยๆ ก้มหัวลงและมองไปที่ไป๋เสวี่ย

อินชิงเสวียนอดตื่นตกใจไม่ได้ จึงรีบลงจากหลังม้า และก้าวเท้าไปยังข้างตัวไป๋เสวี่ยด้วยความว่องไว

ไป๋เสวี่ยดมกลิ่นจากตัวของคนคนนั้น จู่ๆ ก็แลบลิ้นออกมาและเลียบนมือของเขาหนึ่งที

อินชิงเสวียนแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ไป๋เสวี่ยแสดงความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้างั้นหรือ?

นางเงยหน้ามองไปที่คนคนนั้น หลับเห็นว่าคนคนนั้นก็กำลังมองนางเช่นกัน ดวงตาที่ลุกโชน ทำให้อินชิงเสวียนยากที่จะรับมือ

นางรีบถอดสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว กำหมัดและพูดว่า “พี่ชายท่านนี้ อย่าได้กลัวไปเลย ไป๋เสวี่ยไม่ได้มีเจตนาร้ายกับท่าน”

จู่ๆ คนคนนี้ก็คว้ามือนางไปจับไว้

“ชิงเสวียน นี่ข้าเอง!”

เสียงที่คุ้นเคยทำให้อินชิงเสวียนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

“ท่าน… ท่าน...”

ยังไม่ทันได้พูดชื่อนั้นออกมา กวนลี่จือก็เดินออกจากบ่อนการพนันที่อยู่ด้านข้าง

“อาโฉ่ว เจ้าไปตายที่ไหนมา ทำให้ข้าต้องแพ้พนันอีกแล้วนะ”

เมื่อเห็นอาโฉ่ว กวนลี่จือก็เดินออกมาเตะเขาหนึ่งที

ไป๋เสวี่ยกระโดดขึ้นมาในทันที และกระโจนใส่กวนลี่จือล้มลงพื้นด้วยอุ้งเท้าของมัน

เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่ กวนลี่จือก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที

“อาโฉ่ว รีบมาช่วยข้าหน่อยสิ นี่มันหมาบ้าที่ไหนเนี่ย”

อาโฉ่วเอื้อมมือไปจับไป๋เสวี่ยไว้ และพูดขึ้นเสียงเรียบ “ทำให้คุณชายต้องตกใจแล้วขอรับ”

ทันทีที่กวนลี่จือยกมือขึ้นก็ตบเขาหนึ่งฉาด

“เจ้ากล้าให้ไอ้หมาบ้าที่ไหนมาขู่ข้าเนี่ย”

เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่นางโจมตีกวนลี่จือ ท่าทีของอาโฉ่ว และวันนั้นที่อาโฉ่วช่วยเอาไว้จากม้าพยศ อินชิงเสวียนอดที่จะใจเต้นขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้อาโฉ่วก็คือพี่ชายใหญ่ของนาง

เมื่อเห็นกวนลี่จือทำเช่นนี้กับอาโฉ่ว สีหน้าอินชิงเสวียนขรึมเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าเหตุใดอินสิงอวิ๋นจึงแต่งกายในสภาพแบบนี้ ทว่าไม่สามารถที่จะเห็นพี่ใหญ่ถูกผู้ดีมีเงินรังแกเช่นนี้ได้

นางรีบเดินรุดไปด้านหน้า ทันทีที่ยกมือขึ้นก็ตบเขาหนึ่งฉาด

“บังอาจนัก นี่เป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่ฝ่าบาทรัก เจ้ากล้าก่นด่าเช่นนี้ได้อย่างไร”

กวนลี่จือกุมหน้าไว้ เพิ่งรู้ว่าเป็นอินชิงเสวียน

“ที่แท้ก็เจ้านี่เองไอ้สุนัขขันที อาโฉ่ว ตบเขาเดี๋ยวนี้”

อาโฉ่วรีบครูดถอยหลังหนึ่งก้าว

“ข้าน้อยไม่บังอาจ”

ทันทีที่อินชิงเสวียนยกเท้าก็ถีบเต็มหนึ่งฝ่าเท้า ทำให้กวนลี่จือล้มลงกับพื้น เขาอยากคลานขึ้นมา ทว่าไป๋เสวี่ยกลับอ้าปากร้องครางอยู่ข้างๆ ราวกับจะพุ่งเข้าไปกัดเขาตลอดเวลา กวนลี่จืออดที่จะหน้าซีดไม่ได้

“ท่านกล้ากระทำเช่นนี้ต่อข้า ไม่กลัวท่านปู่ของข้าเอาเรื่องท่านหรือ”

อินชิงเสวียนใช้ฝ่าเท้าเหยียบลงบนคอของเขา

“ข้ากล้าตีเจ้า แน่นอนข้าว่าไม่กลัวเขา”

กวนลี่จือร้องครางโหยหวนออกมา “ปล่อยข้านะ”

อินชิงเสวียนโบกมือ เรียกฉินเทียนและหลี่ชีเข้ามา

“ไอ้สุนัขตัวนี้ช่างบังอาจเทียมฟ้า กล้าหมิ่นด่าสุนัขทรงเลี้ยงที่ฝ่าบาทรัก ตบปากของเขาเดี๋ยวนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ทั้งสองไม่ชอบหน้ากวนลี่จือมานานแล้ว จึงตบเข้าที่บ้องหูของเขาทันที

กวนลี่จือถูกทุบตีจนโหยหวนและกรีดร้อง อ้าปากและถุยฟันซี่ใหญ่สองซี่ออกมา

อินชิงเสวียนพูดออกมาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ต่อไปดีกับลูกน้องของเจ้าเสียหน่อย หากครั้งหน้าข้าเห็นว่าเจ้ารังแกเขาอีก เจ้าได้ฟันร่วงหมดปากแน่นอน”

อาโฉ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกยิ้มที่ริมฝีปากขึ้นมา

จากนั้นก็ก้มหน้าลงและพูดว่า “ใต้เท้าทั้งหลายโปรดยกโทษให้ด้วย คุณชายไม่ได้ตั้งใจหรอกขอรับ และไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือสุนัขทรงเลี้ยงแสนรักของฝ่าบาท ใต้เท้าทั้งหลายได้โปรดเมตตาด้วยขอรับ”

เมื่อเห็นกวนลี่จือถูกตีจนสภาพไม่น่ามอง อินชิงเสวียนจึงไม่อยากสนใจเขาอีก

“ในเมื่อลูกน้องของเจ้าขอความเมตตาให้แก่เจ้า ข้าจะไว้ชีวิตเส็งเคร็งให้แก่เจ้า พวกเราไปกันเถอะ”

อินชิงเสวียนกลัวว่าคำพูดดูไม่ค่อยน่าเชื่อ จึงพูดเสริมขึ้นว่า “และยังมีเครื่องรางอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หม่อมฉันเคยอ่านมาจากตำราโบราณสมัยเด็ก บอกว่าเป็นเครื่องรางที่ถอนพิษได้ จึงลองใช้ดู นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลจริงเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ขำเบาๆ ออกมา และจับมือของอินชิงเสวียนไว้

“สนมที่รักของข้าช่างมีความรู้กว้างใหญ่ไพศาล และมีความสนใจที่มากมายเสียจริง!”

อินชิงเสวียนเม้มปากหนึ่งที

“ฝ่าบาทไม่เชื่อหรือเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้จูงนางเดินมาด้านนอกประตู และกระซิบข้างหูว่า “ไม่สำคัญว่าข้าเชื่อหรือไม่ สิ่งที่สำคัญก็คือ วิธีของเจ้าได้ผลก็เพียงพอแล้ว”

อินชิงเสวียนค่อยๆ ชักมือกลับมา

“ฝ่าบาทเตรียมจะไปไหนเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังและพูดว่า “ข้าบอกแล้วว่าจะไปเสวยอาหารค่ำที่บ้านของเจ้า ตอนนี้ข้ายังหิวอยู่เลย”

เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้เหลือบมองมาที่ตัวเอง สายตาแฝงไปด้วยความน้อยใจ อินชิงเสวียนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“ได้สิเพคะ ข้าก็หิวอยู่เหมือนกัน เช่นนั้นก็กลับไปห่อเกี๊ยวที่ตำหนักจินหวูเถอะเพคะ ไวกว่าซาลาเปาอยู่มาก”

เย่จิ่งอวี้อารมณ์ดีขึ้นทันที ยิ้มและพูดว่า “อะไรก็ได้ ข้าไม่เลือก”

ทั้งสองเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทาง และกลับมาถึงตำหนักจินหวู

เมื่อรู้ว่าฝ่าบาทอยากเสวยเกี๊ยว ทุกคนก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นมาทันที

เย่จิ่งอวี้กระหายอาหารพอสมควร เขากินหมดไปหนึ่งจาน

อินชิงเสวียนก็หิวมากเช่นกัน แต่เมื่อคำนึงว่าเย่จิ่งอวี้อยู่ที่นี่ จึงทำทีกินอย่างสำรวม ซึ่งไม่ค่อยสาแก่ใจเท่าไหร่นัก

เมื่อเห็นว่ายังเหลืออีกหน่อย ก็หวังให้เย่จิ่งอวี้รีบกลับไปโดยไว ตัวเองจะได้กินได้มากขึ้น

เย่จิ่งอวี้กลับไม่มีท่าทีจะไป และอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินไปดูดาวที่ลานบ้านแล้ว

อินชิงเสวียนกลอกตามองบน ผู้ชายคนนี้คงไม่คิดจะค้างที่นี่อีกนะ

ผ่านไปไม่นานก็ถึงเวลาดึก ยายหลี่จึงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไปนอนกล่อม อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้นมา “ฝ่าบาทก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วเพคะ”

“ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากกลับแล้ว”

เย่จิ่งอวี้พูดจบก็เดินไปยังด้านในตำหนัก จู่ๆ หานปิงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก

“พระนางเหยาเฟย พระสนมของหม่อมฉันไม่สบาย อยากพบเหนียงเหนียงเพคะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์