สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 242

สรุปบท บทที่ 242 ตักเตือน: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

อ่านสรุป บทที่ 242 ตักเตือน จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บทที่ บทที่ 242 ตักเตือน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าลง

“สวีจือย่วนเป็นอะไร?”

เห็นได้ชัดว่าหานปิงไม่รู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่ด้วย สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“หม่อมฉันขอถวายบังคมฝ่าบาท พระสนมนาง... นางปวดท้องนิดหน่อยเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ควบตาคมแน่น พูดขึ้นเสียงเรียบ “ในเมื่อไม่สบาย เจ้าก็ควรไปหาหมอหลวง เหตุใดจึงต้องมาหาเหยาเฟย?”

สายตาของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความกดดัน หานปิงจึงมีเหงื่อไหลเต็มตัวในทันที

“พระสนมบอกว่าอยากพบเหยาเฟย หม่อมฉัน... หม่อมฉันจึงรีบมาแจ้งข่าวเพคะ”

อินชิงเสวียนเหลือบมองหานปิง จู่ๆ สวีจือย่วนจึงนึกขึ้นได้ว่านางเคยเชิญพี่ใหญ่ไปยังที่พักของนาง และวันนี้นางก็ได้พบกับพี่ใหญ่พอดี หรือว่า... เขามางั้นหรือ?

เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ค้อมตัวลงและพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไปดูดีกว่าเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไปด้วยกันสิ เสี่ยวอานจื่อ ไปตามหมอหลวงมา”

สีหน้าของหานปิงผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้อินชิงเสวียนมั่นใจในความคิดของตัวเอง

“ฝ่าบาททรงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักอยู่ที่ตำหนักจินหวูก่อนเถอะเพคะ หม่อมฉันไปเดี๋ยวเดียวก็จะกลับ”

อินชิงเสวียนคิดจะไป กลับถูกเย่จิ่งอวี้ดึงข้อมือไว้

“เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเช่นกัน ข้าไปด้วยกับเจ้า”

สายตาของหานปิงกระพริบขึ้น และพูดขึ้นอย่างกังวล “เช่นนั้นหม่อมฉันกลับไปรายงานพระสนมก่อนนะเพคะ”

พูดจบก็รีบวิ่งไปที่ตำหนักจินหวู

เมื่อเห็นเงาหลังของนาง เย่จิ่งอวี้จึงขมวดคิ้ว จ้องตามออกไปนอกตำหนัก

เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้จะตามหานปิงไป อินชิงเสวียนก็ร้อนใจขึ้นทันที จึงร้องโอ๊ยออกมาและย่อตัวลง

เย่จิ่งอวี้หันตัวกลับมาถาม “เป็นอะไรงั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนกล่าวด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “หม่อมฉันเดินเร็วเกินไป ดูเหมือนว่าข้อเท้าจะแพลงเพคะ”

“เจ็บหรือไม่?”

เย่จิ่งอวี้รีบเดินมาด้านหน้าของอินชิงเสวียน ยื่นมือไปอุ้มนางขึ้นมา

อินชิงเสวียนคว้าเสื้อผ้าบนไหล่ของเขา แล้วพูดด้วยท่าทางน้อยใจ “เจ็บสิเพคะ”

เมื่อมองใบหน้าที่ยับยู่ยี่ เย่จิ่งอวี้จึงรีบหันตัวกลับมา

“เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งไปเลย ข้าจะไปส่งเจ้ากลับตำหนักจินหวูเอง”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันค่อยๆ เดินก็ได้เพคะ”

อินชิงเสวียนพยายามดิ้นจะกระโดดลงมา มือข้างหนึ่งจับแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้ แกล้งทำเป็นว่าเดินกะโผลกกะเผลก

ในใจก็กลัวว่าสวีจือย่วนจะไม่สบายจริงๆ จึงอยากไปดูสักหน่อย

เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงแล้วถามว่า “ได้งั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “พอได้เพคะ”

จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ยื่นมือมา และอุ้มนางขึ้นอีกครั้ง

“เช่นนั้นข้าอุ้มเจ้าไปเอง”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็เริ่มทำวิชาตัวเบา

เมื่อเห็นความเร็วของเขาที่ว่องไวเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ลนลานในทันที และยื่นมือออกมากอดคอของเย่จิ่งอวี้ไว้

“ฝ่าบาทอย่าเดินเร็วสิเพคะ หม่อมฉันกลัว”

เย่จิ่งอวี้ชะลอฝีเท้าลง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเกาะติดกับร่างกายของเขาอย่างแนบแน่น มุมปากบางของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

“เจ้ามีความใจกล้า ไม่รักตัวกลัวตาย แต่รู้จักกลัวด้วยงั้นหรือ”

นี่เป็นครั้งแรกของอินชิงเสวียนที่ใกล้ชิดกับผู้ชายได้มากขนาดนี้ หัวใจของนางเต้นอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างรุนแรง ก้มหน้าลงและพูดว่า “ชีวิตของหม่อมฉันก็เป็นเพียงชีวิตหนึ่ง จะไม่รู้จักกลัวได้อย่างไรเพคะ”

เย่จิ่งอวี้หรี่ดวงตาลง รู้สึกว่าบริเวณที่โดนแก้มของนางสัมผัสนั้น มีความรู้สึกร้อนอย่างมาก ทำให้ทะเลสาบอันเงียบสงบในหัวใจของเขาเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา

เขาหัวเราะเบาๆ และพูดข้างหูของนางว่า “รู้จักกลัวก็เป็นเรื่องที่ดี ต่อไปก็คอยอยู่ข้างๆ ข้าอย่างเชื่อฟัง ตราบใดที่มีข้าอยู่ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้”

ลมหายใจอันอบอุ่นรดผ่านคอของอินชิงเสวียน จู่ๆ ร่างกายของนางก็ดูเหมือนจะถูกไฟฟ้าช็อตเป็นหย่อมๆ รู้สึกคันและชา และมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจของนาง

สวีจือย่วนพูดขึ้นด้านในว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนก็มายังหน้าเตียง มองไปที่ผ้าม่านที่ปิดสนิท พร้อมถามขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

สวีจือย่วนกัดริมฝีปากและพูดขึ้นเสียงเบาว่า “เพียงแค่แน่นหน้าอก

เล็กน้อย ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นิดหน่อยเพคะ”

“อาจเป็นเพราะวันนั้นที่ฝนตกและตากลมเย็น สองวันนี้พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาส่งอาหารให้เจ้า”

อินชิงเสวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จ้องที่ผ้าม่านและพูดขึ้น “กลางดึกอย่าได้เดินออกไปข้างนอก วังหลังเต็มไปด้วยอันตราย และไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าและข้าสามารถเดินได้อย่างอิสระ!”

สวีจือย่วนพูดขึ้นเสียงเบา “หม่อมฉันขอน้อมรับคำสั่งสอนของเหนียงเหนียง วันนี้เรียกเหนียงเหนียงมาถือเป็นการละลาบละล้วง เหนียงเหนียงโปรดให้อภัยด้วยเพคะ”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก เมื่อรู้ว่าเจ้าไม่เป็นอะไรมาก ข้าก็สบายใจแล้ว”

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองไปนอกหน้าต่างและพูดว่า “ในเมื่อไม่เป็นไร กินยาและรีบพักผ่อนเสียเถอะ พรุ่งนี้ข้าและเหยาเฟยจะมาใหม่”

สวีจือย่วนกระแอมไอ “หม่อมฉันขอทูลลาฝ่าบาท ทูลลาพระนางเหยาเฟย”

“อื้ม เราไปกันเถอะ”

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือให้กับอินชิงเสวียน และพยุงนางออกจากหอสุ่ยอวิ้น

อินชิงเสวียนค่อยๆ ถอนหายใจ หากนางเดาไม่ผิด อินสิงอวิ๋นจะต้องอยู่บนเตียงเป็นแน่

ตามบทในนวนิยายเรื่องนี้ ถ้าชายและหญิงคู่หนึ่งคลุมร่างด้วยผ้าห่ม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

เมื่อนึกถึงความรักที่สวีจือย่วนมีต่อพี่ใหญ่ อินชิงเสวียนก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเสียง

หากได้อยู่ด้วยกันกับเขา สวีจือย่วนต้องดีใจมากแน่

“หัวเราะอะไรงั้นหรือ?”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นข้างๆ แฝงไปด้วยความอยากรู้

อินชิงเสวียนพูดติดตลกว่า “เมื่อก่อนหม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสวีจือย่วนมาก เอ่อ... จึงร้อนใจอยู่ตลอดเวลา วันนี้เห็นว่าฝ่าบาทไมขออยู่ต่อ จึงมีความดีใจเล็กน้อยเพคะ”

เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วถาม “พูดจริงงั้นหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์