"โอ๊ย!"
อินชิงเสวียนกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าเอวถูกรั้งแน่น เย่จิ่งอวี้ลากเธอไปด้านหลัง
“ไป๋เสวี่ย หยุดเดี๋ยวนี้"
เย่จิ่งอวี้ดุเสียงดัง
ไป๋เสวี่ยไม่ได้กระโจนใส่คน มันหมุนตัวไปรอบ ๆ และวิ่งไล่เธอ โดยมีอุ้งเท้าปุกปุยสองข้างโอบเอวของอินชิงเสวียนอยู่ มันอ้าปากกว้าง ดวงตาประจบประแจง และหางใหญ่ของมันแกว่งไปมาราวกับว่ามันกำลังจะบินออกไป
จากนั้นอินชิงเสวียนถึงเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นไป๋เสวี่ย เธอหลุดถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเอื้อมมือมาลูบเบา ๆ ที่หัวอันใหญ่โตของมัน
“อยากให้ข้าตกใจตายเลยหรือไง”
ไป๋เสวี่ยไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามมันมีความสุขมากที่ได้เจอกับอินชิงเสวียน และมันยังได้กลิ่นหอมของเนื้อ อดไม่ได้ที่จะกระโดดโลดเต้นไปมา ส่งเสียงครวญครางในลำคอ และอ้อนวอนอยากจะขอกินสักคำ
อินชิงเสวียนหยิบซาลาเปาที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งโยนเข้าไปในปากอันใหญ่โตของมัน ไป๋เสวี่ยวางอุ้งเท้าของมันลงทันทีและกินหมดภายในสามคำ
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ไป๋เสวี่ยเดิมทีไม่เคยใกล้ชิดกับใคร ขันทีในวังมักจะถูกมันกัด แต่ทำไมจึงสนิทชิดเชื้อกับขันทีหนุ่มเช่นนี้?
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้น ก็ได้ยินใครบางคนจากระยะไกลพูดว่า "ท่านไป๋เสวี่ยวิ่งไปที่ตำหนักฉงหวู่แล้ว"
“ต้องไปหาฝ่าบาทแน่ ๆ ”
"พวกเราวิ่งเร็วเข้า"
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ ฮ่องเต้เฮงซวยนั่นก็อยู่ในตำหนักฉงหวู่ด้วยหรือ?
เธอรีบผลักไป๋เสวี่ยออกไปและพูดอย่างรนราน "พี่ทหาร โปรดพิจารณาสิ่งที่ข้าพูดอีกครั้งด้วยเถอะ ข้าต้องไปแล้ว"
พูดจบเธอก็วิ่งหนีไป
ขันทีหนุ่มหลายคนที่อยู่ข้างหลังไล่ตามมาถึงแล้ว และพวกเขาก็โล่งใจที่ได้เห็นไป๋เสวี่ยและเย่จิ่งอวี้อยู่ด้วยกัน
“ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ถลึงตามองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อหันกลับไป อินชิงเสวียนก็หายตัวไปแล้ว
จากนั้นพูดขึ้นด้วยความโกรธ "ไสหัวไปให้หมด หากพวกเจ้ายังไม่รู้จักดูแลไป๋เสวี่ยให้ดีอีก ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าทิ้งซะ"
บ่าวไพร่ไม่ได้ดั่งใจ เย่จิ่งอวี้ก็ยิ่งอารมณ์เสียขึ้นไปอีก จากนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อเดินกลับห้องหนังสือไป
หลี่เต๋อฝูกำลังงีบหลับอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ ก็สะดุ้งตื่นทันที
“ฝ่าบาท พระองค์กลับมาพร้อมกับซาลาเปาอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้ตอบกลับอยู่ในลำคอด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยกเสื้อคลุมขึ้นนั่งบนบัลลังมังกรสีทองที่ทำจากไม้จินซือหนาน
“พรุ่งนี้เจ้าไปตำหนักฉงหวู่กับข้า"
ใบหน้าของหลี่เต๋อฝูเขียวซีดทันที คุกเข่าลงดังกึก
“ฝ่าบาท กระหม่อมแขนขาอ่อนแรง มิอาจต้านทานหมัดเหล็กของฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้หัวเราะขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ยังดีที่เจ้ายังรู้ตัวอยู่นะ ลุกขึ้น ข้าจะให้เจ้าไปตรวจดูขันทีหนุ่มผู้หนึ่ง ส่งคนฉลาด ๆ หน่อยไปสองสามคน อย่าให้ถูกจับได้เด็ดขาด"
หลี่เต๋อฝูไม่เข้าใจ
“ขันทีหนุ่มที่ไหนกัน ฝ่าบาทถึงต้องทรงตรวจสอบด้วยพระองค์เอง?"
ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้มืดลง “เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้วนะ คุกเข่าลง"
ในขณะที่ฮ่องเต้และบ่าวไพร่กำลังคุยกันอยู่นั้น อินชิงเสวียนก็วิ่งกลับไปถึงวังเย็นแล้ว
อวิ๋นฉ่ายกำลังรออยู่ที่รูตรงกำแพง รีบประคองพระสนมเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะพระสนม ทำไมสีหน้าถึงดูไม่ดีเยี่ยงนี้ล่ะเพคะ?"
อินชิงเสวียนเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“อันตรายมาก เกือบจะถูกฮ่องเต้เวรนั่นจับได้แล้ว"
เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อวิ๋นฉ่ายฟัง ทำเอานางหวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน
จากนั้นนางก็พูดปลอบขึ้นว่า "พระสนมไม่ต้องกังวลไปนะเพคะ ฮ่องเต้ไม่รู้จักพระสนม ต่อให้เห็นหน้า ก็ไม่มีทางสงสัยว่าจะเป็นพระสนมจากวังเย็นหรอกเพคะ"
อินชิงเสวียนถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย "ฮ่องเต้จะไม่รู้จักข้าได้ยังไง ก็นอนด้วยกันแล้วไม่ใช่หรือ?"
อวิ๋นฉ่ายหน้าแดงก่ำทันที "เรื่องนี้มัน...."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...