ที่หอสุ่ยอวิ้น
หมอหลวงเหลียงกำลังตรวจชีพจรของสวีจือย่วนอยู่
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วมุ่น ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หมอหลวงเหลียงลูบเคราแล้วพูดว่า “นายหญิงสวีเป็นกระวนกระวายใจมากจนหมดสติไป ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล กระหม่อมจะฝังเข็มให้นายหญิงสวีเดี๋ยวนี้ อีกไม่นานก็จะได้สติพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้เป็นกังวลดั่งไฟแผดเผา
“เช่นนั้นก็รีบหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเฒ่ารีบหยิบเข็มเงินออกจากถุงเข็ม แล้วฝังเข็มในจุดต่างๆ ของสวีจือย่วน อันได้แก่ จุดถันจง จุดหู่โข่ว รวมไปถึงจุดเหรินจงและอื่นๆ
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป สวีจือย่วนก็ค่อยๆ รู้สึกตัว
เมื่อนางเห็นเย่จิ่งอวี้ นางก็หลั่งน้ำตาเป็นสาย
“ฝ่าบาท!”
เย่จิ่งอวี้มาที่เตียง พูดอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าอย่าเพื่อนตื่นตระหนกไป มีอะไรก็ค่อยๆ พูด เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ว่างๆ จึงไปพบพระสนมเหยาเฟย แล้วหม่อมฉันกับพระสนมก็มาที่หอสุ่ยอวิ้น พูดคุยกันสักพัก ทันใดนั้นคนชุดดำก็บุกเข้ามา และทำให้หม่อมฉันหมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ในเรือนจุ้ยหงแล้ว”
นางสะอื้น แล้วพูดว่า “หม่อมฉันยังบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำผิดต่อฝ่าบาทเลยเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ไม่สนใจเรื่องนี้เลย ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าอินชิงเสวียนอยู่ที่ไหน
“เจ้าตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเสวียนเอ๋อร์เลยงั้นรึ”
สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก หลุบตาลงแล้วพูดว่า “ไม่ได้เจอเพคะ”
เมื่อนึกถึงคำพูดของอินสิงอวิ๋นเมื่อวานนี้ น้ำตาของสวีจือย่วนก็ไหลลงมาอีกครั้ง
ตั้งแต่วินาทีแรกที่นางเห็นเขา นางก็ตกหลุมรักเขาจนสุดหัวใจ
แม้นางจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่นางก็ยังอยากจะรักษาพรหมจรรย์ไว้เพื่อเขา ทว่าการทุ่มเทให้กับความรักครั้งนี้กลับกลายเป็นความผิดพลาด
เขาไม่ชอบตัวเองเลย
เขาชอบอินชิงเสวียน พระสนมเหยาเฟย และจะไม่มีวันเป็นนาง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อวาน ขอร้องให้อินสิงอวิ๋นพานางออกจากวังด้วย พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดีเลย
เขาสามารถพาอินชิงเสวียนออกไปได้ แต่ทิ้งนางไว้ตามลำพังในเรือนจุ้ยหง นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีนางอยู่ในใจเลย
เมื่อเห็นสวีจือย่วนยังร้องไห้ไม่หยุด เย่จิ่งอวี้ก็ไม่วายรำคาญ
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เจ้าลองคิดดูดีๆ ว่าไม่เห็นเสวียนเอ๋อร์จริงๆ หรือ”
สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “พระเนตรของฝ่าบาทมีไว้สำหรับมองพระสนมเหยาเฟยเท่านั้นหรือเพคะ หม่อมฉันไม่ควรค่าให้ใส่ใจบ้างเลยหรือ”
เมื่อเห็นใบหน้างามของสวีจือย่วนเปื้อนหยาดน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เย่จิ่งอวี้ก็ใจอ่อน
“ช่างเถอะ ข้าไม่ถามแล้ว เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ”
หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็ออกจากหอสุ่ยอวิ้นโดยไม่หันกลับมามอง
หมอหลวงเหลียงก็รีบเข้ามาดึงเข็มออก
“กระหม่อมจะสั่งยาต้มให้นายหญิงสวี ตอนนี้อย่าลืมรักษาอารมณ์ให้มั่นคง ไม่ต้องเป็นกังวลต่อสิ่งใดอีก”
“ขอบคุณหมอหลวง หานปิง ช่วยไปส่งหมอหลวงเหลียงแทนข้าด้วย”
หานปิงขานรับคำสั่ง หลังจากส่งหมอหลวงเหลียงออกไปแล้ว นางก็เดินกลับเข้ามาในห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว
“นายหญิง เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ คุณชายใหญ่อินคนนั้น...”
ดวงตาของสวีจือย่วนเย็นลงทันที
“อย่าพูดถึงเขาอีก”
หานปิงมองนายหญิงของตนด้วยสีหน้างุนงง เมื่อก่อนพอเอ่ยถึงอินสิงอวิ๋น นายหญิงจะมีความสุขมาก คราวนี้เกิดอะไรขึ้นนะ
“แล้วพระสนมเหยาเฟยล่ะ”
หานปิงอดทนอยู่นาน แต่สุดท้ายก็อดถามไม่ได้
“ไม่รู้ ข้าไม่รู้อะไรเลย เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ”
เมื่อเห็นสีหน้าของสวีจือย่วนเย็นชา หานปิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ณ ห้องหนังสือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...