ณ ตำหนักเฉิงเทียน
อินชิงเสวียนป้อนน้ำพุวิญญาณจนหมดขวด สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสะท้อนขึ้นลงของหน้าอกดูมีแรงขึ้น
เมื่อมองดูเส้นสีเขียวบนข้อมือของเขา ก็ดูดีขึ้นมากแล้ว
อินชิงเสวียนเช็ดปาก แล้วพูดกับเย่จั้น “พิษของฝ่าบาทน่าจะถูกขจัดไปเกือบหมดแล้ว”
เย่จั้นวางนิ้วบนข้อมือของเย่จิ่งอวี้ทันที เมื่อเห็นว่าชีพจรเริ่มเต้นแรงแล้ว เขาก็พยักหน้า
“ข้าจะตามหมอหลวงเข้ามาตรวจดู”
“ดี”
อินชิงเสวียนประคองเย่จิ่งอวี้ให้เขานอนหนุนหมอนอย่างเบามือ
เมื่อมองดูคิ้วที่ขมวดมุ่น นางก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
นางจับมืออันเย็นชื้นข้างนั้น พร่ำกระซิบในใจไม่หยุด
ทุกอย่างต้องเรียบร้อยดี!
เย่จิ่งอวี้ ท่านจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก อินชิงเสวียนก็ปล่อยมืออย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะลงแล้วก้าวออกไปอยู่ข้างๆ
หมอหลวงเหลียงรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วคุกเข่าข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรของเย่จิ่งอวี้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งแววตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ
เขาพูดด้วยความประหลาดใจระคนยินดี “พิษของฝ่าบาทถูกขจัดไปแล้วจริงๆ นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ว่ากันว่าเมื่อดีนกยูงได้เข้าสู่ร่างกายปนเปื้อนโลหิต ผู้ที่ถูกพิษจะไม่มีโอกาสรอด ตอนนี้กลับสามารถขจัดพิษออกไปได้ง่ายๆ เช่นนี้ ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์นี้ ทำให้หมอหลวงเหลียงเกิดความคลางแคลงใจในตัวเองทันที
หรือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในตำรา ล้วนเป็นคำพูดอวดอ้างจนเกินความจริง?
เย่จั้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ขจัดพิษอย่างไรนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเมื่อไหร่ฝ่าบาทจะฟื้น”
“นี่...ฝ่าบาทเสียเลือดมากเกินไป พลังชีวิตได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้นมีดเล่มนี้ยังถูกแทงเข้าที่หัวใจ แม้ว่าจะขจัดพิษได้แล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะพ้นขีดอันตรายหรือไม่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หมอหลวงเหลียงพูด อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว
ในเวลานี้ จู่ๆ นางก็นึกอิจฉาสนมแพทย์ในนิยายที่เดินทางข้ามมิติ ที่ได้นำห้องปฏิบัติการหรือห้องมิติรักษาที่สุดยอดมาด้วย และสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้สำเร็จไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม แต่น่าเสียดายที่นางทำอะไรไม่เป็นเลย ทำได้เพียงเฝ้าดูเท่านั้น
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงยาที่อยู่ในมิติ อย่างอื่นนางช่วยเหลือไม่ได้ แต่ยังมียาแก้อักเสบอยู่ ตอนนี้ต้องทำให้มั่นใจก่อนว่าแผลจะไม่อักเสบ แล้วจึงค่อยๆ รักษาต่อไป
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางโกหกว่าจะออกไปปลดทุกข์ เดินไปในมุมที่ไม่มีคนแล้วเข้าไปในมิติ แลกเปลี่ยนยาแก้อักเสบออกมาหลายกล่อง แกะบรรจุภัณฑ์ด้านนอกออก ใส่ยาลงในถุงกระดาษแล้วนำออกมา
เมื่อหมอหลวงทุกคนต่างก็ออกไปเขียนเทียบยาต้มยา อินชิงเสวียนก็ยื่นยาเม็ดเล็กๆ เหล่านี้ให้กับเย่จั้น
“นี่เป็นยาต้านการอักเสบจากแคว้นฮว๋าเซี่ย เมื่อกินยานี่จะทำให้บาดแผลไม่ติดเชื้อหรืออักเสบ ขอให้ท่านอ๋องบอกให้หมอหลวงนำยานี้ให้ฝ่าบาทเสวยด้วย ให้เสวยครั้งละ 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น”
เย่จั้นมองไปที่เม็ดยาสีขาวด้วยแววตาประหลาดใจ
ในโลกนี้มียาแบบนี้ด้วย
เขายื่นมือออกไปรับเม็ดยาสีขาวเล็กๆ เลิกคิ้วแล้วถามว่า “...เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”
อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากล่าง แล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ทราบว่าข้าจะอยู่ในวัง...คอยดูแลเขาได้หรือไม่”
ดวงตาของเย่จั้นหรี่ลงเล็กน้อย จ้องมองที่อินชิงเสวียนแล้วถามว่า
“ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่”
อินชิงเสวียนสบตาคู่นั้นแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ขึ้นอยู่กับว่าท่านอ๋องคิดอย่างไร”
เย่จั้นหรี่ดวงตาเรียวยาว มองนางเป็นเวลานาน ก่อนจะพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะอยากอยู่ในวัง แต่ก็เกรงว่าเจ้าจะอยู่ไม่ได้นาน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...