นางยอมให้คนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นตัวเอง ยังดีเสียกว่าที่ต้องมาเห็นเย่จิ่งอวี้ถูกทำร้ายแบบนี้!
แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว นางทำได้เพียงอธิษฐานต่อสวรรค์ ขอให้เย่จิ่งอวี้ฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว
น้ำตาร่วงเผาะๆ ลงบนหลังมือของเย่จิ่งอวี้ ตอนนี้ราวกับว่าน้ำทั้งหมดในร่างกายเหมือนจะทะลักออกมาจากดวงตา
อินชิงเสวียนไม่อยากร้องไห้ นางไม่เคยเป็นคนอ่อนแอเจ้าน้ำตาเช่นนี้มาก่อน แต่นางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
เช็ดน้ำตาชุดเดิมที่ไหลรินออกมาแล้ว ก็ยังมีน้ำตาระลอกใหม่ไหลออกมาอีก อินชิงเสวียนเช็ดดวงตาอย่างแรง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง จึงรีบยกแขนเสื้อขึ้นปิดตา
“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังก็หยุดลง แล้วน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็พูดอย่างตื่นเต้น “พระสนม เป็นท่านจริงๆ!”
อินชิงเสวียนหันกลับมาทันที จึงได้เห็นเสี่ยวอานจื่อที่ใบหน้าและจมูกบวมช้ำ
“เสี่ยวอานจื่อ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
เสี่ยวอานจื่อเดินเร็วๆ ไปหลายก้าว แล้วมาคุกเข่าอยู่หน้าเตียง กล่าวด้วยกระแสเสียงที่ผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย
“พระสนม ท่านไม่เป็นอะไรช่างดีจริงๆ ฝ่าบาท...พระองค์ทรงไม่สบายจริงหรือ”
เสี่ยวอานจื่อเหลือบมองที่เตียงแล้วถามว่า “ทุกคนในวังบอกว่าพระสนมลอบสังหารฝ่าบาท เป็นเรื่องจริงหรือ”
อินชิงเสวียนสูดจมูก กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“ฝ่าบาททรงเป็นคนดีย่อมมีสวรรค์คุ้มครอง จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ และข้าไม่ได้ทำอะไรฝ่าบาท มีคนหลอกข้าจับตัวไปนอกวัง เลียนแบบใบหน้าของข้า แล้วปลอมตัวเป็นข้าไปลอบสังหารฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าจะสืบสวนให้กระจ่าง จะจับตัวคนร้ายมาให้จงได้”
เมื่อพูดประโยคสุดท้าย ดวงตาของอินชิงเสวียนก็เปล่งประกายวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง
ครั้นนึกถึงคำพูดของเย่จั้น นางจึงกล่าวเสริม “ช่วงนี้ข้าอาจจะไม่กลับไปที่ตำหนัก พวกเจ้าต้องปกป้องตัวเอง และช่วยข้าดูแลเสี่ยวหนานเฟิงด้วย”
ทันใดนั้นเสี่ยวอานจื่อก็แสดงสีหน้าดีใจ
“กระหม่อมรู้อยู่แล้วว่าพระสนมไม่ได้เป็นคนใจร้ายเพียงนั้น ต้องมีคนใส่ร้ายพระสนมแน่ๆ พระสนมไม่ต้องเป็นห่วง ในตำหนักจินหวูทุกอย่างเรียบร้อยดี กระหม่อมจะดูแลองค์ชายน้อยอย่างดีอย่างแน่นอน”
“งั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว เมื่อความจริงปรากฏ ข้าจะกลับมาอยู่กับพวกเจ้าอีกครั้ง”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปดึงเสี่ยวอานจื่อขึ้น แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของเจ้า หรือว่ามีคนทำร้ายเจ้า”
เสี่ยวอานจื่อรีบพูดทันทีว่า “ตำหนักจินหวูมีทหารรักษาพระองค์คอยอารักขาอยู่ ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ จะมีใครกล้าตีกระหม่อมได้อย่างไร เป็นกระหม่อมเองที่วันนี้ขึ้นไปจับแมลงปอบนหลังคาให้องค์ชายน้อย แต่ไม่ระวังจึงตกลงมาเอง”
อินชิงเสวียนพิจารณาดูแล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แล้วพอมาคิดดูอีกที ผู้ที่สามารถเข้าไปในตำหนักจินหวูได้ ก็มีแค่ฝ่าบาทและสวีจือย่วน ตอนนี้พวกเขายังไม่น่าจะตกอยู่ในอันตรายได้
จากนั้นจึงถามว่า “ได้ยินมาว่านายหญิงสวีกลับวังแล้ว เจ้าเห็นนางหรือไม่”
เสี่ยวอานจื่อกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม “ได้พบแล้ว เมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้ว นางมาหาองค์ชายน้อยด้วย แต่ไป๋เสวี่ยขวางนางไว้ จึงอุ้มไม่ได้ คิดว่าเป็นเพราะนายหญิงสวีกลัวสุนัข พอรู้ว่าเราสบายดี ก็พาหานปิงกลับไปแล้ว”
อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นในใจ เกรงว่าในวังหลวงแห่งนี้ มีเพียงสวีจือย่วนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมาเยี่ยมตัวเองได้
นางควรหาเวลาไปส่งข่าวบอกสวีจือย่วน ว่าคนที่นางชอบไม่ใช่พี่ใหญ่ของนาง แต่เป็นอ๋องขยะแห่งเจียงวู อาซือหลาน
เมื่อนึกถึงคนชาติชั่วคนนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่แค้นเคือง หากอาซือหลานตกอยู่ในกำมือของนาง นางจะหั่นเขาเป็นชิ้นๆ เพื่อบรรเทาความเกลียดชัง
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ระยะนี้อย่าเพิ่งออกจากตำหนักจินหวู ข้าจะจับตัวนักฆ่าโดยเร็วที่สุด จะได้ไปอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคน”
เสี่ยวอานจื่อพยักหน้าแรงๆ
“กระหม่อมทราบแล้ว กระหม่อมจะไปบอกอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่เดี๋ยวนี้”
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังกำชับกับเสี่ยวอานจื่อเพิ่มเติม หมอหลวงหนุ่มสองคนก็ถือชามยาเข้ามา
อินชิงเสวียนลุกขึ้นทันที แล้วไปยืนอยู่ข้างๆ กับเสี่ยวอานจื่อ
คนหนึ่งพยุงเย่จิ่งอวี้ขึ้น ส่วนอีกคนถือช้อนและป้อนยาให้เขาทีละน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...