สีหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปทันที แล้วร่างนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งจั้ง
“ท่านอ๋อง จอมพลเฒ่ากวน พวกท่าน...”
“ข้าต้องเอาชีวิตเจ้ามาให้ได้!”
เย่จั้นเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย แล้วร่างของเขาก็พุ่งไปยังอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว
ตัวปลอมยังคงเสแสร้งแกล้งทำ เหาะกลับไปกลับมาพร้อมกับตะโกนไปด้วย “ปาจารย์ ช่วยข้าด้วย”
แม้ว่าจอมพลเฒ่าจะขาพิการไปข้างหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ช้า
เขาคว้าหอกที่อยู่ข้างๆ และพุ่งหอกใส่ตัวปลอม
“ชิงเสวียนไม่เป็นวรยุทธ์ เจ้าเป็นตัวปลอม”
ดวงตาของกวนเซี่ยวแสดงความประหลาดใจ นับตั้งแต่ฝ่าบาทถูกลอบสังหาร ชายชราก็ไม่ยอมให้เขาออกจากจวน ดังนั้นกวนเซี่ยวจึงไม่ได้เจอหน้าอาซือหลาน และไม่รู้เกี่ยวกับหน้ากากผิวหนังมนุษย์ เมื่อได้ยินสิ่งที่ปู่พูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน
ตัวปลอมนี้คงไม่ใช่ใครอื่นแล้ว นอกจากโยวหลานผู้เป็นหนึ่งในสาวใช้ของอาซือหลาน
เมื่อเห็นว่าตัวตนของนางถูกเปิดเผย นางกลับไม่ตื่นตระหนก แต่กลับหัวเราะ สะบัดข้อมือ แล้วมีดสองเล่มก็มาอยู่ในมือ
“ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าข้าเป็นตัวปลอม เช่นนั้นก็หมายความว่าได้พบกับอินชิงเสวียนแล้ว นางอยู่ที่ไหน บอกมานะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
เย่จั้นแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “ช่างบังอาจอะไรเช่นนี้”
แล้วมีดคู่ของโยวหลานก็แทงเข้าใส่เย่จั้นแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็จะต้องตายอยู่ดี ทำไมไม่ให้ข้าเติมเต็มความปรารถนาของพวกเจ้าในวันนี้ล่ะ”
นางยกแขนเสื้อขึ้น และควันสีเขียวก็คลุ้งออกมา
เย่จั้นยกมือขึ้นปิดจมูกทันที
“จอมพลเฒ่าระวัง!”
ถึงอย่างไรกวนฮั่นหลินก็เป็นผู้มีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยครั้ง เขาได้กลั้นหายใจก่อนแล้ว
โยวหลานยิ้มอย่างลำพองใจ
“รับความตายซะ!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกลัวหมอกพิษ ไม่สามารถต่อสู้กลับได้ อินชิงเสวียนก็ไม่คิดเสียดายคะแนนของนางอีก
นางแลกเปลี่ยนพลังทันที แล้วพุ่งตรงไปที่ยังโยวหลาน
“ทั้งสองคนอย่าให้หมอกพิษเข้าตัว ข้าจะจัดการนางเอง”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนวิ่งเข้าไปในหมอกพิษ เย่จั้นก็เดาได้ว่านางน่าจะมีทางรับมือได้ จึงคว้าหอกของจอมพลเฒ่ามา แล้วโยนไปให้อินชิงเสวียน
“ระยะไกลกว่าหนึ่งนิ้วย่อมแข็งแกร่งกว่าหนึ่งนิ้ว เจ้ามีข้อได้เปรียบด้านอาวุธแล้ว สามารถใช้ความแข็งแกร่งของเจ้าได้”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปรับหอก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ “วันนี้ ข้าจะฉีกหน้าเจ้าเอง!”
นางถือหอกในมือ แล้วแทงเข้าใส่โยวหลานอย่างแรง
เนื่องจากไป๋เสวี่ยไม่กลัวงูพิษ นางที่ได้ดื่มได้ใช้น้ำพุวิญญาณย่อมไม่กลัวพิษเหมือนกัน แต่ถึงแม้ว่าจะโดนพิษจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะนางสามารถกลับเข้าสู่มิติได้ทันที
เมื่อรู้ว่ามีมิติคอยหนุนอยู่ข้างหลัง อินชิงเสวียนก็รู้สึกมั่นใจ
แม้ว่านางจะไม่รู้จักเพลงยุทธ์ใดๆ แต่นางก็แข็งแกร่งมาก สามารถแกว่งหอกราวกับพยัคฆ์คำรามลม ด้วยพลังที่พุ่งออกมาประหนึ่งสายรุ้ง
เมื่อเห็นหอกพุ่งเข้าหาตัว โยวหลานก็ยกมีดคู่ขึ้นสกัดกั้นทันที แต่นางรู้สึกว่าตรงระหว่างนิ้วหัวแม่มีและนิ้วชี้เจ็บปวดอย่างรุนแรง แล้วมีดคู่ก็ถูกหอกตีจนหลุดมือไป
นางอดไม่ได้ที่จะตกใจ “เจ้าคือใคร”
นอกเหนือจากกวนฮั่นหลินและเย่จั้นแล้ว นางก็ไม่เคยได้ยินว่าในเมืองหลวงจะมียอดฝีมือเช่นนี้
อินชิงเสวียนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากหมอกพิษสีเขียวจริงๆ นางกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ และพูดเน้นทีละคำ “ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าอย่างไรล่ะ”
หอกในมือตวัดกวัดแกว่งไปทั่ว และกระแทกเอวของโยวหลานอย่างแรง
โยวหลานคำรามเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับถอยกลับไปหลายก้าว
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น นางพุ่งตรงเข้าไปหาโยวหลาน
หากสามารถดึงหน้ากากผิวหนังมนุษย์นี้ออกมาได้ นางก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนที่ลอบสังหารในวันนั้นไม่ใช่ตัวเอง
เมื่อเห็นคนสวมหน้ากากวิ่งเข้าใส่ตัวเอง โยวหลานก็ตื่นตระหนก และปล่อยหมอกพิษออกมาอีก
อินชิงเสวียนไม่ได้รับผลกระทบเลย นางบีบไหล่ของนางอย่างแรง
“ข้าอยากเห็นนัก ว่าเจ้าจะหน้าตาอัปลักษณ์ขนาดไหน”
นางเอื้อมมือออกไปจับใบหน้าของโยวหลาน โยวหลานตกใจ เตะอินชิงเสวียนทันที
จอมพลเฒ่าพยักหน้า
“ก็ดี ท่านอ๋องกับข้าไม่ได้เจอกันมานานแล้ว วันนี้ต้องดื่มให้หนำใจไปเลย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่จอมพลเฒ่าพูด อินชิงเสวียนก็เลิกโต้แย้ง
แต่ในใจก็รู้สึกเสียดายหน้ากากผิวหนังมนุษย์นี้เช่นกัน
ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งเดียวก็พิสูจน์อะไรไม่ได้แล้ว เมื่อแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว คนพวกนี้จะต้องซ่อนเบาะแสไว้แน่นอน ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดจึงจะพบอีกครั้ง
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น นางก็รู้สึกเวียนหัวและก้าวเดินโซเซ
อาการที่เกิดขึ้นภายหลังก็เหมือนกับระดู ที่มาตรงเวลาเสมอ
เย่จั้นยื่นมือออกช่วยประคองอินชิงเสวียน เมื่อนึกถึงคำที่นางบอกว่านางจะรู้สึกหมดแรงทุกครั้งหลังจากใช้พลังยุททธ์ เขาจึงพูดกับกวนฮั่นหลิน “จอมพลเฒ่าช่วยหาห้องที่เงียบสงบให้พระสนมเหยาเฟยพักผ่อนสักครู่ได้หรือไม่”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ใครก็ได้ มาพาพระสนมเหยาเฟยไปพักผ่อนที่ศาลาเซียงหย่าที”
อินชิงเสวียนเวียนหัวมาก จนไม่ได้กล่าวปฏิเสธ
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว นางก็รีบเข้ามิติ แช่ตัวด้วยน้ำพุวิญญาณ เมื่อขึ้นจากน้ำ พละกำลังของนางก็กลับคืนมา จากนั้นก็ถือโอกาสเก็บเกี่ยวพืชผลที่อยู่ในมิติด้วย
เมื่อเห็นร้านค้าสะสมคะแนน อินชิงเสวียนมีความคิดหนึ่งในฉับพลัน แล้วนางก็กรอกคำว่าหน้ากากผิวหนังมนุษย์ทันที
แต่กลับได้รับการตอบกลับว่า ไม่มีสิ่งนี้ในระบบ
อินชิงเสวียนก็กลอกตา เดิมทีคิดว่าร้านค้าสะสมคะแนนมีของทุกอย่าง
จากนั้นนางก็นึกถึงมิติของเย่จิ่งหลาน
ไม่รู้ว่าขอวเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง คงไม่ได้มีไว้แค่ทำการผ่าตัดเท่านั้นกระมัง ถ้ามีโอกาส ต้องศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาหน่อยแล้ว
ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง บรรดาขุนนางก็มาถึงที่ตำหนักเฉิงเทียนแล้ว
“พวกกระหม่อมขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทที่ทรงหายจากการประชวร ขอให้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงราบเรียบ “ลุกขึ้นเถอะ”
ขุนนางทยอยยืนขึ้น แล้วแม่ทัพผู้มีใบหน้าดำคล้ำก็เดินออกมาจากฝูงชน ซึ่งก็คือซ่งเซี่ยแม่ทัพที่ด่าว่าขันทีอ่อนแอเหมือนไก่
เขาประกบมือคารวะ แล้วพูดเสียงดัง “ได้ยินมาว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บเนื่องจากพระสนมเหยาเฟยทำร้าย กระหม่อมคิดว่า ควรจะถอดนางออกจากตำแหน่งสนมทันที จับตัวนาง และประหารทั้งตระกูล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...