สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 302

ณ คุกหลวง

ทันทีที่เข้าไปในประตูก็จะเห็นทางเดินที่ยาวมาก อากาศเย็นและชื้นลอยมากระทบใบหน้า พร้อมกับกลิ่นเลือดจางๆ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

อินชิงเสวียนมาสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อก่อนเคยได้ยินเสี่ยวอานจื่อบอกว่า คุกหลวงในวังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าคุกที่ขึ้นตรงกับกรมยุติธรรมเสียอีก เมื่อได้เห็นในวันนี้ ช

เครื่องมือทรมานนักโทษวางให้เห็นอยู่เต็มไปหมด เครื่องมือทุกชิ้นเต็มไปด้วยรอยเลือด เมื่ออินชิงเสวียนได้เห็นก็รู้สึกใจสั่น

เย่จิ่งอวี้จับมือที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้ ออกแรงบีบเล็กน้อยราวกับกำลังพูดบางอย่างกับนาง

วางใจ ข้าอยู่ตรงนี้!

อินชิงเสวียนหันไปมองเย่จิ่งอวี้อย่างอดไม่ได้ เย่จิ่งอวี้กันไปพยักหน้าให้นาง จากนั้นก็ปล่อยมือและรีบเดินเข้าไปในห้องทรมาน

เย่จั้นยืนอยู่กลางห้อง บนกายยังคงสวมเสื้อคลุมสีขาวราวหิมะ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับความสกปรกในห้องทรมาน

ด้านหน้าของเย่จั้นมีเก้าอี้เหล็กสี่ตัววางไว้อยู่ มีคนถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้แต่ละตัว คนเหล่านี้ล้วนสวมเสื้อผ้าหยาบๆ และมีรูปร่างหน้าธรรมดาไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป

สี่คนนี้ก็คือคนที่บุกเข้าไปในโรงเตี๊ยมเมื่อวาน

เย่จั้นเหล่มองผู้ชายสองคนนั้น ถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกเจ้าสองคนใครคืออาซือหลาน?”

หลังจากเงียบไปสักพัก ผู้ชายที่อยู่ทางซ้ายก็พูดว่า “ข้าคืออาซือหลาน”

ขณะนั้น อินชิงเสวียนได้เดินเข้ามาใกล้เย่จิ่งอวี้แล้ว

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย อินชิงเสวียนก็พยักหน้าเล็กน้อย

“เป็นเขาจริงๆ ข้าเคยได้ยินเสียงของเขา”

คนที่ถูกไป๋เสวี่ยกัดขากางเกงก็คือคนนี้พอดี

สายตาเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปอย่างเย็นชา และพูดเยาะเย้ยว่า “ข้าอยากเห็นหน้าตาของเจ้าเสียจริง”

เขาเดินไปที่ด้านหน้าของอาซือหลาน พบว่าสีของใบหน้าและลำคอแตกต่างกันมาก จึงยกมือไปจับใบหน้าของเขาไว้ ได้ยินเพียงเสียงจิ๊ปากเล็กๆ และหน้ากากผิวหนังมนุษย์ก็ถูกฉีกออก

อินชิงเสวียนก็สงสัยอย่างมาก จึงเข้าไปตรวจดูใกล้ๆ

ชายคนนี้หน้าตาธรรมดา มีความอัปลักษณ์เล็กน้อย ใบหน้าของเขาดำมืดราวกับก้นหม้อ ไร้ซึ่งลักษณะท่าทางแบบชนชั้นสูง

จากนั้นก็พูดเหน็บแนมว่า “ไม่แปลกที่เจ้าต้องสวมหน้ากากเป็นพี่ใหญ่ของข้า เป็นเพราะหน้าตาที่อัปลักษณ์ราวกับสัตว์ประหลาดนี่เอง ข้าได้เห็นก็แทบสำรอก ใบหน้าที่มีฟันยื่นออกมา นับเป็นการหยามพี่ใหญ่ของข้าอย่างมาก”

เย่จิ่งอวี้กระชากหน้ากากของสามคนที่เหลือออกมา

ในสองคนนี้กลับไม่มีฟางรั่ว และไม่มีโหยวหลาน พวกเขาเป็นคนธรรมดาสองคนที่หน้าตาไม่คุ้นเคยเลยสักนิด

และอินชิงเสวียนก็ไม่เคยพบเจอโหยวหลานมาก่อน มิหนำซ้ำทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ นางไม่อาจแยกได้ว่าผู้ใดที่ปลอมตัวเป็นตัวเอง ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เรื่องสำคัญที่สุดคือตามหาที่อยู่ของอินสิงอวิ๋น

เย่จิ่งอวี้นำหน้ากากโยนทิ้งลงบนโต๊ะ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “อาซือหลาน เจ้าเริ่มปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋นตั้งแต่เมื่อใด?”

อาซือหลานพูดว่า “สองปีก่อน”

เขาเหลือบมองอินชิงเสวียน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สองปีก่อนอินจ้งนำกองกำลังมุ่งหน้าไปยังเจียงวู อินสิงอวิ๋นและอินปู้อวี่ต่างก็นำทัพเข้าไปตีค่ายทหารของเจียงวู ม้าของอินสิงอวิ๋นถูกลูกธนู จึงทำให้เขาตกลงจากหลังม้าและถูกข้าจับตัวไป ข้าเห็นว่าเขามีรูปร่างคล้ายกับข้า จึงสั่งให้คนผลิตหน้ากากหนังมนุษย์ออกมา และแทรกซึมเข้าไปในกองทัพตระกูลอิน”

อินชิงเสวียนกัดฟันกรอดด้วยความโมโห พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม “เจียงวูของพวกเจ้าช่างต่ำทรามเสียจริง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล”

อาซือหลานยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “มีราชครูผู้ยิ่งใหญ่อยู่ด้วย เจียงวูจะต้องตีด่านถงกู่แตกภายในไม่กี่วัน พวกเจ้าก็แค่ตั๊กแตนห้ามทัพ ทหารม้าเหล็กของเจียงวูจะต้องเหยียบเข้ามาในต้าโจวสักวัน จะต้องฆ่าล้างพวกเจ้าจนเลือดนองเป็นสายน้ำ เพื่อล้างแค้นในอดีตที่ผ่านมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์