สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 303

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนโมโหจนหน้าซีดขาว เย่จิ่งอวี้ก็เลิกสังสัย

หากนางมีความสัมพันธ์กับเขา เหตุใดนางจึงโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้

แม้เขารู้ว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงความเท็จ แต่ยังคงรู้สึกขยะแขยง

เขาพยายามไม่คิดมาก แต่หัวใจของเขายังคงรู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินติดอยู่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

อาซือหลานคิดจะพูดต่อ เย่จั้นจึงรีบเอาผ้าโสโครกยัดปากของเขาไว้

“ฝ่าบาทอย่าได้คล้อยตามเขา เขากำลังอ้อนวอนหาความตาย เพื่อเพิ่มความขัดแย้งระหว่างต้าโจวกับเจียงวูให้รุนแรงมากขึ้น หากฝ่าบาทฆ่าเขาด้วยความโกรธแค้น เช่นนั้นก็จะตกหลุมพรางของเขา”

เย่จิ่งอวี้ตอบรับเสียงขรึม

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นำบุคคลนี้ไปใส่รถคุมขังนักโทษ และแห่ไปตามถนนสามวัน บอกว่าเขาเป็นสายลับของเจียงวู ปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋น แทรกซึมเข้ามาในต้าโจวเพื่อสืบหาข่าวกรอง วันนี้ได้ถูกจับตัวแล้ว สามวันหลังจากนี้จะถูกฆ่าตัดคอและเสียบประจาน ราชกิจเช้าในวันพรุ่งนี้ ข้าจะกลับคำพิพากษาให้แก่ตระกูลอินด้วยตัวเอง”

เขาคลายเสียงลงเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เสด็จอาโปรดสานต่อด้วย อย่าได้ละเว้นความผิดโจรสุนัขเหล่านี้ ข้ารู้สึกไม่สบาย ขอกลับตำหนักเฉิงเทียนก่อน”

เย่จิ่งอวี้พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป

เมื่อมองไปที่เงาหลังของเขา อินชิงเสวียนก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ฮ่องเต้น้อยต้องมีความไม่สบายใจอย่างแน่นอน

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ หากใครได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ต้องรู้สึกรำคาญใจเป็นธรรมดา

อย่างไรเสียก็หายตัวไปหลายวัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างก็ไม่อาจรู้ชัดแจ้ง

ให้ตายเถอะ ทุกอย่างเป็นความผิดของไอ้สุนัขอาซือหลาน ก่อนตายยังไม่วายแว้งกัดนางได้อีก

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอย่างอดไม่ได้ จึงหยิบคีมเหล็กขึ้นมาแล้วกระแทกปากเขาอีกครั้ง

ความรู้สึกของอินชิงเสวียน เย่จั้นเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้ามไว้ แต่เดินยืนข้างๆ อีกคนหนึ่งแทน

ถามขึ้นด้วยความเยือกเย็น “อินสิงอวิ๋นอยู่ที่ใดในเจียงวู?”

อินชิงเสวียนหยุดลงทันที และเงี่ยหูฟัง

คนนั้นกลับมองต่ำและไม่ยอมพูดจา

เย่จั้นจึงหันไปที่ผู้หญิงสองคนนั้น สายตาของพวกนางก็เป็นเหมือนกัน

เย่จั้นทำเสียงฮึดฮัด “ในเมื่อข้าพูดดีๆ แล้วไม่ชอบ เช่นนั้นก็พูดด้วยน้ำตาแล้วกัน ทหาร เริ่มการทรมานได้”

คนของคุกหลวงได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้เย่จั้นออกคำสั่ง

นับตั้งแต่หลิวหมัวมัวคนสนิทของไทเฮาตายไป พวกเขาก็ไม่ได้อีกเนื้อมาเป็นเวลานานแล้ว

มีคนหยิบแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตะปูออกมา เมื่อแก้มัดคนหนึ่งก็กดเขาคนนั้นลงบนผิวตะปู จากนั้นก็นำหินก้อนใหญ่มากดบนตัวคน ตามแรงกดของแรงโน้มถ่วง ร่างกายจึงสัมผัสกับตะปูเหล็กทันที เสียงกรีดร้องที่แสบหูก็ร้องโหยหวนออกมา

เมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมบนแผ่นเหล็กอย่างต่อเนื่อง อินชิงเสวียนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ การลงโทษของราชวงศ์ช่างพิสดารเสียจริง

แต่สำหรับคนเหล่านี้ ไม่นับว่าโหดร้าย อย่างไรก็มีแต่คนเลวๆ

ผู้คุมขังมองคนนั้นด้วยการหัวเราะเยาะ และพูดว่า “วางหินลงไปอีก”

จากนั้นก็หันหน้ากลับมา และพูดกับอินชิงเสวียนอย่างประจบสอพลอว่า “ผู้หญิงสองคนนี้ต้องลงโทษด้วยแส้ เหนียงเหนียงเป็นสตรี ไม่สมควรจะยืนดูอยู่ตรงนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนงุนงงเล็กน้อย ไม่ใช่แค่การใช้เชือกโบยหรอกหรือ มีสิ่งใดไม่น่ามอง

แม้ว่าจะนางจะไม่ใช่ผู้ที่โหดเหี้ยมอะไร แต่ก็ไม่ถึงขนาดมีใจแม่พระต่อศัตรูได้

เย่จั้นกระแอมไอเสียงแล้วและพูดว่า “การลงโทษด้วยแส้ไม่น่าดูจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียงได้โปรดกลับไปก่อนเถอะ”

เมื่อเห็นเย่จั้นพูดจาเช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงไม่กล้าอยู่ต่อ

หันไปทางเย่จั้นและพูดว่า “ท่านอ๋องได้โปรดช่วยถามไถ่ถึงพี่ชายข้าด้วย ขอร้องล่ะเพคะ”

เย่จั้นพยักหน้าแล้วพูดว่า “เหนียงเหนียงวางใจได้ ข้าจะสืบหาเรื่องนี้เอง”

อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณ และเดินออกจากคุกหลวงไป เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้หญิง ขนลุกขึ้นมาในทันที

การเฆี่ยนตีโหดเหี้ยมขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ไม่ได้ยินเสียงแส้เลย?

นางอยากกลับไปดู แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ช่างเถอะ

เมื่อออกจากวัง คิ้วสวยก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าควรไปอธิบายให้ฮ่องเต้น้อยฟังดีไหม?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์