“ระวัง!”
อินชิงเสวียนตกตะลึง
ทว่าเย่จิ่งอวี้ได้เคลื่อนไหวแล้ว เขาโยกตัวหลบมีดสั้นไปด้านข้าง และใช้นิ้วคีบจับมีดสั้นอันคมกริบได้อย่างเหมาะเจาะ
ความประหลาดใจฉายผ่านดวงตาของเขา แม้แต่ตัวเย่จิ่งอวี้เองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งและความรวดเร็วขนาดนี้
จากนั้นเขาก็แค่นเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “บังอาจนัก ถึงกับกล้ามาลอบสังหารข้าถึงในวัง”
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่ามีดสั้นแทงได้เพียงความว่างเปล่า เขาก็ชักดาบออกมาทันที
“ฮ่องเต้โฉด วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
กระแสเสียงนั้นทั้งแหบห้าวและสิ้นหวัง อินชิงเสวียนฟังไม่ออกได้ว่าเป็นใครในทันที
เย่จิ่งอวี้ตบกระบี่ด้วยฝ่ามือเดียว ชายคนนั้นรู้สึกถึงพลังอันท่วมท้นที่ไหลบ่ามาจากฝ่ามือนั้น จนดาบยาวเกือบจะหลุดมือไป
เขาเปลี่ยนมาจับด้วยมือทั้งสองแทน และกระโดดขึ้นฟันในอากาศ
เย่จิ่งอวี้จำต้องถอยออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “วิชาดาบของตระกูลกวน เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ไม่ต้องพูดมาก วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”
มือทั้งคู่ของชายคนนั้นวาดขึ้นไปในอากาศ และอาศัยพลังนี้พุ่งทะยานไปหาเย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งอวี้ก็ต้องการทดสอบฝีมือของตัวเองอยู่พอดี ดูว่าพลังงานในร่างกายนั้นคือกำลังภายในหรือไม่
ไหล่ของเขาจมลง รวบรวมพลังงานทั้งหมดไว้ที่มือทั้งสองข้าง
ทันใดนั้นเขาก็ประกบมือกัน คล้ายกับท่าสวดมนต์ และหนีบคมดาบไว้ได้ในที่สุด
อินชิงเสวียนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสรรพางค์กายอย่างอดไม่ได้ หากคมดาบเข้าใกล้อีกหนึ่งนิ้ว มันก็จะทะลุเข้าไปในร่างของเย่จิ่งอวี้ได้พอดี
กว่าจะช่วยชีวิตเขาได้นั้นไม่ง่ายเลย นางไม่อยากไปขอร้องเย่จิ่งหลานอีกแล้ว
ขณะที่กำลังจะแลกพลังมิติ ทันใดนั้นก็เห็นมุมปากของเย่จิ่งอวี้ยกขึ้นเล็กน้อย
ตะโกนเสียงทุ้ม “หัก”
ครั้นแล้วดาบเล่มนั้นก็แตกออกจากตรงกลางพร้อมกับเสียงนั้น แล้วทั้งสองคนก็ถือดาบไว้คนละด้าน
มือสังหารตกตะลึงไปชั่วขณะ สามารถหักดาบที่เป็นโลหะได้ด้วยมือที่เป็นเลือดเนื้อ นี่เป็นวรยุทธ์ชนิดใดกัน
เมื่อหันไปเห็นแววตาเย้ยหยันของเย่จิ่งอวี้ ความรู้สึกเยือกเย็นก็เพิ่มขึ้นในใจในทันใด
วรยุทธ์ของเขาสูงมากขนาดนี้ ตัวเองจะเอาชนะเขาได้อย่างไร อีกไม่นาน ทหารรักษาพระองค์ก็จะแตกตื่น น่ากลัวว่าการมาในคราวนี้ของเขาจะต้องสูญเปล่าแล้ว
พอคิดถึงปู่ที่ตายไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ใจ ครั้นจึงหมุนดาบหันเข้าใส่คอของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าดาบเกือบจะถึงลำคอของเขาแล้ว มือเรียวยาวข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากข้างๆ คว้าข้อมือของมือสังหารด้วยความเร็วดุจสายฟ้า อีกมือหนึ่งเลื่อนผ่านลำคอของเขา และฉีกหน้ากากผิวหนังมนุษย์สีเข้มออก
และเจ้าของมือหาใช่ผู้ใดไม่ หากแต่เป็นอินชิงเสวียนนั่นเอง
เมื่อเห็นความโศกเศร้าระคนความโกรธในดวงตาของมือสังหาร นางก็เดาได้เรื่องนี้จะต้องมีนัยแอบแฝง แล้วก็เหลือบไปเห็นสีผิวระหว่างลำคอและใบหน้ามีความแตกต่างกันาเกินไป นางจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องทำการแปลงโฉมมาแน่ๆ
ด้วยความวิตกกังวล นางจึงแลกเปลี่ยนความเร็ว และหยุดคมดาบได้ทันพอดี
นิ้วมือทั้งสองของเย่จิ่งอวี้เข้ามาใกล้ ปัดดาบอันหักเหลือครึ่งหนึ่งที่กำลังจะแทงเข้าลำคอของมือสังหารลงไปที่พื้น ครั้นเห็นหน้าตาของมือสังหารชัดเจน เขาก็ต้องขมวดคิ้ว
“เจ้าคือ...กวนเซี่ยว?”
อินชิงเสวียนก็ตกใจเช่นกัน
“พี่ชายกวน ทำไมเป็นเจ้า”
นางเอื้อมมือไปดึงใบหน้าของกวนเซี่ยวอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ก็เป็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้ว
กวนเซี่ยวพูดด้วยความโกรธ “ในเมื่อข้าตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว อยากฆ่าก็ฆ่าเลย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ฆ่าปู่ของข้าไปแล้ว จะเหลือข้าไว้ทำไม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...