สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 313

“เลอะเลือน!”

เสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังมาจากข้างตัวของเขา แล้วอินชิงเสวียนก็แลกความเร็วเป็นหนที่สาม บวกกับพละกำลังอีกห้านาที

นางคว้าข้อมือของกวนเซี่ยว และตรึงกวนเซี่ยวไว้กับพื้นด้วยเรี่ยวแรงอันแข็งแกร่ง

เส้นผมที่ตกลู่ลงมาบนไหล่ ได้ปลิวสยายขึ้นด้วยพลังแห่งมิติ ความองอาจกล้าหาญที่ปรากฏในดวงตา ทำให้กวนเซี่ยวไม่กล้าเผชิญสายตาตรงๆ

“เจ้าคิดว่าควักลูกตาแล้ว จะสามารถชดใช้ความผิดได้งั้นรึ ข้าคิดมาตลอดว่าตระกูลกวนก็เหมือนกับท่านปาจารย์ ที่เป็นสุภาพบุรุษผู้มีจิตใจแน่วแน่ ไม่นึกว่าพี่ชายกวนจะเป็นคนขี้ขลาดเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อความพยายามอันอุตสาหะของท่านปาจารย์เลยรึ”

อินชิงเสวียนกดกวนเซี่ยวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แจ่มชัดว่า “รู้ผิดแล้วแก้ไข นับว่าเยี่ยมนัก พี่ชายกวนคิดเสียว่ารักษาร่างกายไว้เพื่อทำคุณประโยชน์ จับกุมตัวอาซือหลานให้ได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถชดเชยความผิดพลาด และรักษาชื่อเสียงของจอมพลเฒ่าได้”

หลังจากฟังอยู่นาน กวนผิงอันก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จึงพูดทันทีว่า “พระสนมเหยาเฟยพูดถูกแล้ว คุณชายไม่ควรทำลายร่างกายเช่นนี้ หากจอมพลเฒ่าฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นว่าคุณชายตาบอดไปทั้งสองข้าง เขาจะทนได้อย่างไร ที่เจ้าทำอยู่แทบไม่ต่างจากการฆ่าเขาชัดๆ!”

ประโยคสุดท้ายเป็นเหมือนน้ำเย็นที่สาดปลุกสติ ทำให้กวนเซี่ยวตื่นในทันใด

ใช่แล้ว ถ้าเขาตาบอด ท่านปู่คงจะทนไม่ได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้ในตระกูลกวนเหลือเขาที่เป็นทายาทเพียงคนเดียว ถือว่าเห็นแก่ท่านปู่ เขาต้องมีชีวิตอยู่อย่างดีให้ได้

ครั้นนึกได้ดังนี้ กวนเซี่ยวก็น้ำตาไหลอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เขาหันหน้าไปทางด้านข้าง แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้น “ข้าผิดไปแล้ว พวกเจ้าพูดถูก ตอนนี้ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะทำร้ายตัวเองด้วยซ้ำ ถือว่าทำเพื่อท่านปู่ของข้า ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

เมื่อเห็นว่าความโกรธหายไปจากดวงตาของเขา อินชิงเสวียนจึงปล่อยมือ

แล้วร่างกายของนางอ่อนแอลงเนื่องจากการใช้พลังของมิติ และภาพตรงหน้าก็ตัดเป็นสีดำทันที โชคดีที่นางยังนั่งอยู่บนพื้นกับกวนเซี่ยว

อินชิงเสวียนเอนตัวพิงข้างเตียง ถามด้วยน้ำเสียงที่หอบเล็กน้อยว่า “พี่ชายกวนไม่ต้องห่วง ท่านปาจารย์จะต้องปลอดภัยแน่ เพียงแต่ต่อไปควรจะทำอย่างไร พี่ชายกวนได้วางแผนไว้บ้างหรือไม่”

กวนเซี่ยวส่ายศีรษะ เขามืดแปดด้านไปหมด

ที่เขาช่วยอินสิงอวิ๋น ประการแรกก็เพื่อมิตรภาพระหว่างทั้งสองตระกูล และประการที่สองเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลกวน และยิ่งต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อโค่นล้มฮ่องเต้

ตอนนี้คนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนมาโดยตลอด กลับกลายเป็นท่านอ๋องของแคว้นศัตรูไปแล้ว ศรัทธาและความหวังก่อนหน้านี้ของเขา ได้พังทลายลงหมดแล้ว

เมื่อเห็นเขามีสภาพเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกจนปัญญา

เกรงว่ากวนเซี่ยวจะต้องใช้เวลาพอสมควร ถึงจะคิดตกกับเรื่องนี้ได้อย่างครบถ้วน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้เขามากนัก

หากเขาออกจากวัง อา‍ซือ‍หลานจะตามหาเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน

ตัวเองสามารถติดตามเบาะแสนี้เพื่อตามหาอา‍ซือ‍หลานได้ เพราะการที่จะสามารถจับโจรชั่วคนนี้ได้หรือไม่นั้น กวนเซี่ยวได้กลายเป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดแล้ว

“พี่ชายกวนย่อมไม่ยินดีที่จะถูกคนปั่นหัวเช่นนี้อย่างแน่นอน อา‍ซือ‍หลานมีหน้ากากใบหน้าของพี่ชายกวนไม่ใช่รึ และยังก็มีหน้ากากใบหน้าของข้าด้วย หากพวกเขาสวมหน้ากากที่เป็นใบหน้าของเราทั้งสองคนไปทำเรื่องร้ายแรง ผู้คนจะตื่นตระหนกและสับสนอลหม่านเป็นแน่ ดังนั้น ต้องหาคนผู้นี้ให้เจอโดยเร็วที่สุด”

อินชิงเสวียนประกบมือคารวะ แล้วพูดด้วยความจริงใจ “อินชิงเสวียนขอให้พี่ชายกวนช่วยข้าจับอาซือหลานตัวจริง เพื่อขจัดภัยอันตรายให้กับบ้านเมืองด้วย บางที...อาจสามารถใช้เขาเพื่อแลกกับพี่ใหญ่ของข้าได้”

กวนเซี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขบกรามเป็นสันนูน แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว โจรชั่วสมควรตาย เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร”

อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พี่ชายกวนล้มเหลวในการลอบสังหาร เมื่อออกจากวังคืนนี้ ข้าจะให้ไป๋เสวี่ย เจ้าสุนัขแสนรู้ของฝ่าบาทจำกลิ่นบนตัวของเจ้า จากนั้นก็ติดตามไปจนถึงที่อยู่อาศัยของอาซือหลาน คราวนี้ต้องทำให้เขาหลบเร้นออกไปได้ลำบากแน่ๆ”

ทันใดนั้นกวนเซี่ยวก็จำสิ่งที่อาซือหลานพูดได้ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ เขายังบอกด้วยว่า ยามเที่ยงคืนของคืนนี้ จะมาพบข้าที่นอกกำแพงวัง บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดี”

ทว่าอินชิงเสวียนกลับไม่ได้มองในแง่ดี

“อาซือหลานเจ้าเล่ห์เพทุบาย เขาอาจจะไม่มาจริงๆ ยิ่งกว่านั้นเขายังมอบหน้ากากที่ทำอย่างสะเพร่าให้เจ้า คงตั้งใจที่จะให้เจ้ากับฝ่าบาทจะฆ่ากัน ไม่ว่าฝ่ายใดตาย เขาก็จะได้ประโยชน์ทั้งนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์