สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 314

สรุปบท บทที่ 314 ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดข้าเช่นนั้นก็อย่ากลัว: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 314 ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดข้าเช่นนั้นก็อย่ากลัว – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 314 ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดข้าเช่นนั้นก็อย่ากลัว ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

มืออันอบอุ่นเลื่อนมาหยุดที่เอว ราวกับเปลวไฟที่ลามเลียทุ่งหญ้า ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วร่างกายในทันที

แก้มของอินชิงเสวียนกลายเปนสีแดงปลั่ง

บุรุษหล่อเหลารูปงานปานนี้ นางจะเกลียดได้อย่างไร

นางกัดมุมปาก สายตาเลื่อนมองจับไปที่ผ้าสีขาวที่พันรอบทรวงอกของเขา

“หม่อมฉันจะเกลียดฝ่าบาทได้อย่างไร”

มือของเย่‍จิ่ง‍อวี้กระชับขึ้นอีกเล็กน้อย

“แล้วทำไมเจ้า...ถึงไม่ยอมใกล้ชิดกับข้าเล่า”

ครั้นเห็นร่างกายที่แนบชิดมาอย่างพอดีกัน ใบหูของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ทันใดนั้นก็ฉุกนึกถึงคำพูดหนึ่งได้ นางผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกไปทันที หันหลังให้แล้วพูดขึ้นว่า “ปราชญ์กล่าวว่า กลางวันแสกๆ ห้ามทำเรื่องบัดสี ฝ่าบาทเป็นถึงพระราชาผู้ครองแคว้น ควรดำรงอยู่ในวิถีแห่งปราชญ์”

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนร่างถูกรัด ร่างทั้งร่างก็ถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่แข็งแรงคู่หนึ่ง

กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ ลอยกรุ่ยเข้าไปในโพรงจมูกของอินชิงเสวียน ผสมกับกลิ่นยาจางๆ และเสียงทุ้มก็ดังขึ้นในหูในเวลาเดียวกัน

“ข้ายังเคยได้ยินคนพูดกันว่า เพียงอิจฉายวนยางไม่อิจฉาเซียน แม้ว่าข้าจะเป็นฮ่องเต้ผู้ครองแคว้น แต่ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ยิ่งไม่ต้องการฝึกฝนวิถีแห่งนักปราชญ์อะไรนั่นด้วย ชีวิตนี้ของข้าแค่อยากอยู่กับเสวียน‍เอ๋อร์ มีลูกชายหญิงมากมาย ครองรักจนแก่เฒ่า!”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนกอปรกับน้ำเสียงสูงต่ำ เปรียบเสมือนมือที่มองไม่เห็นกำลังดึงหัวใจของอินชิงเสวียนออกมา ราวกับว่าหัวใจของนางจะถูกกระตุ้นด้วยคำหวานที่เคลิบเคลิ้มนี้ ถึงกับรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง

เย่‍จิ่ง‍อวี้ดึงตัวนางมาอยู่เบื้องหน้า แล้วจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากอันเรียบเนียนของนาง หางเสียงเจือความกังวลเล็กน้อย

“เจ้า...เต็มใจจะอยู่กับข้าหรือไม่”

เมื่อมองดูเรียวตาหงส์ที่ร้อนแรงคู่นั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ แล้วพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

“เจ้ารับปากข้าแล้ว? ข้าเห็นเจ้าพยักหน้า กลับคำพูดไม่ได้แล้วนะ!”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ดีอกดีใจมาก กอดอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขนอย่างแรง

เมื่อเห็นท่าทางดีใจเหมือนเด็กของเย่‍จิ่ง‍อวี้ อินชิงเสวียนก็อดยิ้มเสียมิได้

ตัวนางก็ถือว่ามีชีวิตอยู่มาสองชาติภพแล้ว ยังไม่เคยมีคู่ครองเลย ตอนนี้นางมีผู้ชายหล่อรวยขนาดนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องปล่อยมือ

อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนอื่น!

หากต่อไปในภายหน้าเขาไม่อาจรักนางเพียงคนเดียวได้ เช่นนั้นก็ต่างคนต่างไป ในยุคปัจจุบันยิ่งมีการอยู่ก่อนแต่งด้วยซ้ำ ซึ่งนางกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็สามารถอยู่ก่อนแต่งได้เช่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมาก

ทว่าในความเป็นจริง นางไม่ได้รู้สึกเฉยเมยกับเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างที่คิดเลย

นางแค่ปกป้องตัวเองอย่างดีเกินไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียใจ

พอตอนนี้คิดตกแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไร

หากเขาเปลี่ยนใจเป็นอื่น นางก็ทำได้เช่นเดียวกัน

ด้วยความสามารถในปัจจุบันของนาง หากต้องการออกจากวัง ก็ไม่มีใครสามารถหยุดนางได้

เมื่อนึกถึงความเร็วและพลังในมิติ อินชิงเสวียนก็รู้สึกมั่นใจ

นางเอียงศีรษะ นัยน์ตาฉายแววซุกซน

“ถูกต้อง ข้ารับปากแล้ว แต่รายละเอียดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของฝ่าบาท”

ชั่วครู่หนึ่ง เสี่ยวเสวียนจื่อผู้น่ารักและแสนเจ้าเล่ห์ก็เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มอย่างมีความสุข โน้มไปแนบใบหูของนาง และพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “ไม่ว่าด้านใด ข้าก็จะทำให้เจ้าพอใจทั้งหมด”

การยั่วแย่เช่นนี้ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้จริงๆ เชียวนะ

แม้อินชิงเสวียนจะรู้ตัวว่าตัวเองก็หน้าด้านอยู่พอสมควร แต่นางก็อดหน้าแดงไม่ได้

นางผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ออก เดินมาที่หน้าต่างแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

พูดอย่างฉุนๆ “ฝ่าบาททรงถามถึงกวนเซี่ยวไม่ใช่หรือเพคะ พวกเราพูดกันไปถึงไหนเสียแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ไอแห้งๆ

อินชิงเสวียนฉุนจัด คนผู้นี้ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกทีแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้ลูบปลายจมูกของนางแล้วหัวเราะเบาๆ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น แม้ว่าบาดแผลจะยังไม่หายดี แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากนัก เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องเป็นกังวล”

“ถึงอย่างนั้นก็ได้ ท่านรีบปล่อยหม่อมฉันเร็วๆ เพคะ”

อินชิงเสวียนจับข้อมือของเขา แต่เย่‍จิ่ง‍อวี้กลับกอดนางแน่นขึ้น

“ข้าไม่ปล่อย...”

ยังไม่ทันได้กล่าวคำถัดไป ก็ได้ยินคนพูดที่หน้าประตูว่า “ฝ่าบาท พวกสายสืบที่อยู่ในคุกหลวงหลายคนกินยาพิษปลิดชีพตัวเองแล้ว”

ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เกิดขึ้นเมื่อใด”

คนผู้นั้นตอบว่า “เมื่อสักครู่นี้เอง ท่านอ๋องช่วยชีวิตไว้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนจึงถือโอกาสหลบออกมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยืนขึ้นเช่นกัน

“คนที่ช่วยไว้ได้เป็นมคร”

“เขาอ้างว่าเป็นคนของอา‍ซือ‍หลาน”

สีหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ขรึมลงเล็กน้อย และเดินไปถึงประตูแล้ว

เขาเอื้อมมือออกไปเปิดประตู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูแลคนผู้นี้ให้ดี ถ้าเขาตาย ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้า”

ทหารองครักษ์โค้งคำนับพูดว่า “น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

จากนั้นเขาก็ถามว่า “จิ้งอ๋องให้กระหม่อมมาถามว่า ให้ทำอย่างไรกับศพทั้งสามศพ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นำตัวใส่ไว้ในรถม้าขังนักโทษ แล้ววางไว้ในที่ร่มๆ เย็นๆ พรุ่งนี้นำร่างไปประจานต่อธารกำนัลทั่งเมือง”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”

หลังจากที่ชายคนนั้นจากไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หันกลับเข้ามาในตำหนัก

เขาขมวดคิ้วพูดว่า “หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์