เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆ ปรากฏชัดในคลองจักษุ อินชิงเสวียนก็ตื่นตระหนกทันที
“ท่าน...ท่านจะทำอะไร”
ดวงตาของนางเบิกกว้าง ดูคล้ายกระต่ายตัวน้อยที่กำลังตื่นกลัว
เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็ไม่สามารถควบคุมความหวั่นไหวในหัวใจได้อีกต่อไป ริมฝีปากบางประกบลงไปอย่างแนบแน่น
การจูบอย่างกะทันหันทำให้คนไม่ทันระวังตัว การเสียดสีของริมฝีปากและฟัน รวมถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ไหลรดจมูกของนาง ทำให้สมองของอินชิงเสวียนขาวโพลน นางคว้าเสื้อของเย่จิ่งอวี้โดยไม่รู้ตัว กระซิบเสียงแผ่ว “อย่า...”
ทว่าเสียงแผ่วบวกกับการเคลื่อนไหวของนาง กลับยิ่งรู้สึกถึงการเชิญชวนบางอย่าง
เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใช้ลิ้นอันช้ำชองดุนฟันของนางให้แยกออก วงแขนอันแข็งแกร่งกอดกระหวัดเอวเรียวเล็กของอินชิงเสวียนไว้แน่น ราวกับจะรั้งร่างของนางเข้าสิงสู่ร่างกายของเขา
จูบของเขาเร่าร้อนและครอบครอง เรียวตาหงส์ค่อยๆ พร่าเลือน
เขาหอบหายใจเล็กน้อย แล้วกระซิบข้างหูนาง “เสวียนเอ๋อร์ อย่ากลัวเลย...”
นิ้วเรียวยาวได้ปลดสายรัดเอวของนางออกแล้ว กระโปรงผ้านิ่มก็เลื่อนหลุดออกไปทันที
ความเย็นที่กระทบร่างทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกตัวในทันใด รีบผลักเย่จิ่งอวี้ออกไป
นางลุกขึ้นนั่ง สวมเสื้อผ้าของตัวเอง พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ไม่ได้ ฝ่าบาทยังบาดเจ็บอยู่”
เย่จิ่งอวี้สงบเพลิงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดเป็นเชิงสัพยอกว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร เจ้าประหม่าอะไร”
“ท่าน...”
อินชิงเสวียนหันหน้าหนีด้วยความโกรธ เสื้อผ้าถูกถอดออกขนาดนี้แล้ว ยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่ได้คิดทำอะไรเลย
ลมปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกจริงๆ!
“ทำไม พาลโกรธงั้นรึ”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มล้อเล่น จู่ๆ ก็อุ้มนางขึ้น แล้ววางร่างของนางลงบนเตียง
อินชิงเสวียนปิดป้องทรวงอกของนางทันที ขู่ฟ่อ “หม่อมฉันก็เป็นวรยุทธ์เหมือนกัน หากฝ่าบาทต้องการใช้กำลัง หม่อมฉันจะสู้กลับ”
เย่จิ่งอวี้ยกมือข้างหนึ่งลูบกราม แล้วนอนลงข้างๆ อินชิงเสวียน
พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จริงด้วยสิ ดูเหมือนว่าถ้าข้าอยากข่งเหงเจ้าให้ได้ ก็มีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึ พูดว่า “ฝ่าบาทคิดเรื่องพรรค์นี้จริงๆ ไม่รู้สึกว่าน่ารังเกียจเกินไปหรือ”
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เรื่องบนเตียงไม่มีคำว่าน่ารังเกียจ ข้าต้องการเจ้า แต่เจ้าไม่ยอม ก็ต้องใช้กำลังกันบ้าง”
อินชิงเสวียนหันหน้าไปทางอื่นด้วยความโกรธ ไม่อยากต่อปากต่อคำดับคนที่ไร้ยางอายคนนี้อีก
มือใหญ่เลื่อนมาโอบนาง แล้วจูบที่ลำคอของนาง
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าล้อเจ้าเล่นน่ะ ข้าจะทำได้อย่างไร รีบนอนเร็ว พรุ่งนี้ข้าต้องไปประชุมเช้าอีก ถ้าขืนยังไม่นอนอีก ประเดี๋ยวข้าต้องสวมชุดมังกรไปประชุมเช้า ไม่ต้องได้นอนกันพอดี”
อินชิงเสวียนจึงผ่อนคลายลง
นางอยากถามเย่จิ่งอวี้เรื่องอาการปวดหัวของเขาเหมือนกัน แต่ก็ได้ยินเสียงหายใจอยู่ข้างหลัง จึงคิดว่าเขาผล็อยหลับไปแล้ว
อินชิงเสวียนหันกลับมาอย่างเงียบๆ ซึ่งเย่จิ่งอวี้ก็หลับไปแล้วจริงๆ ใบหน้าที่คมสันของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก
ในตอนนี้ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้หมดไปนานแล้ว
แสงจันทร์อันสดใสส่องผ่านหน้าต่าง สะท้อนไปยังใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ภายใต้แสงการหักเหของแสง ยิ่งทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยนั้นดูคมสันและชัดเจนเรื่อยๆ
ดวงตาของเขาปิดลง แพขนตาตรงและหนา เช่นเดียวกับขนตาของเสี่ยวหนานเฟิง ที่เป็นลักษณะเดียวกับขนตาเด็กทั่วไป ราวกับถูกจัดเรียงอย่างประณีต ประหนึ่งถูกกรีดเส้นคมบนเปลือกตา ยามลืมตาลูกตาขาวก็ตัดกับตาดำชัดเจน ดูลึกซึ้งเหลือประมาณ
อินชิงเสวียนอดใจไม่ได้ นางเหยียดนิ้วออกไปแตะเปลือกตาของเย่จิ่งอวี้ เปลือกตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พลิกตัว และหลับไปอีกครั้ง
อินชิงเสวียนรีบชักนิ้วอันอยู่ไม่สุขของตัวเองออกทันที ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก่อนการประชุมเช้า อย่าเพิ่งไปปลุกเขาดีกว่า
หลังจากครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็ผล็อยหลับไป เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว
เย่จิ่งอวี้ที่อยู่ข้างๆ ได้จากไปแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู แล้วอวิ๋นฉ่ายก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับอ่างน้ำในมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...