สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 323

สรุปบท บทที่ 323 สวรรค์ตรัสว่าพูดไม่ได้: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 323 สวรรค์ตรัสว่าพูดไม่ได้ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 323 สวรรค์ตรัสว่าพูดไม่ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆ ปรากฏชัดในคลองจักษุ อินชิงเสวียนก็ตื่นตระหนกทันที

“ท่าน...ท่านจะทำอะไร”

ดวงตาของนางเบิกกว้าง ดูคล้ายกระต่ายตัวน้อยที่กำลังตื่นกลัว

เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ไม่สามารถควบคุมความหวั่นไหวในหัวใจได้อีกต่อไป ริมฝีปากบางประกบลงไปอย่างแนบแน่น

การจูบอย่างกะทันหันทำให้คนไม่ทันระวังตัว การเสียดสีของริมฝีปากและฟัน รวมถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ไหลรดจมูกของนาง ทำให้สมองของอินชิงเสวียนขาวโพลน นางคว้าเสื้อของเย่‍จิ่ง‍อวี้โดยไม่รู้ตัว กระซิบเสียงแผ่ว “อย่า...”

ทว่าเสียงแผ่วบวกกับการเคลื่อนไหวของนาง กลับยิ่งรู้สึกถึงการเชิญชวนบางอย่าง

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใช้ลิ้นอันช้ำชองดุนฟันของนางให้แยกออก วงแขนอันแข็งแกร่งกอดกระหวัดเอวเรียวเล็กของอินชิงเสวียนไว้แน่น ราวกับจะรั้งร่างของนางเข้าสิงสู่ร่างกายของเขา

จูบของเขาเร่าร้อนและครอบครอง เรียวตาหงส์ค่อยๆ พร่าเลือน

เขาหอบหายใจเล็กน้อย แล้วกระซิบข้างหูนาง “เสวียน‍เอ๋อร์ อย่ากลัวเลย...”

นิ้วเรียวยาวได้ปลดสายรัดเอวของนางออกแล้ว กระโปรงผ้านิ่มก็เลื่อนหลุดออกไปทันที

ความเย็นที่กระทบร่างทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกตัวในทันใด รีบผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกไป

นางลุกขึ้นนั่ง สวมเสื้อผ้าของตัวเอง พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ไม่ได้ ฝ่าบาทยังบาดเจ็บอยู่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สงบเพลิงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดเป็นเชิงสัพยอกว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร เจ้าประหม่าอะไร”

“ท่าน...”

อินชิงเสวียนหันหน้าหนีด้วยความโกรธ เสื้อผ้าถูกถอดออกขนาดนี้แล้ว ยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่ได้คิดทำอะไรเลย

ลมปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกจริงๆ!

“ทำไม พาลโกรธงั้นรึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มล้อเล่น จู่ๆ ก็อุ้มนางขึ้น แล้ววางร่างของนางลงบนเตียง

อินชิงเสวียนปิดป้องทรวงอกของนางทันที ขู่ฟ่อ “หม่อมฉันก็เป็นวรยุทธ์เหมือนกัน หากฝ่าบาทต้องการใช้กำลัง หม่อมฉันจะสู้กลับ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมือข้างหนึ่งลูบกราม แล้วนอนลงข้างๆ อินชิงเสวียน

พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จริงด้วยสิ ดูเหมือนว่าถ้าข้าอยากข่งเหงเจ้าให้ได้ ก็มีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึ พูดว่า “ฝ่าบาทคิดเรื่องพรรค์นี้จริงๆ ไม่รู้สึกว่าน่ารังเกียจเกินไปหรือ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เรื่องบนเตียงไม่มีคำว่าน่ารังเกียจ ข้าต้องการเจ้า แต่เจ้าไม่ยอม ก็ต้องใช้กำลังกันบ้าง”

อินชิงเสวียนหันหน้าไปทางอื่นด้วยความโกรธ ไม่อยากต่อปากต่อคำดับคนที่ไร้ยางอายคนนี้อีก

มือใหญ่เลื่อนมาโอบนาง แล้วจูบที่ลำคอของนาง

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าล้อเจ้าเล่นน่ะ ข้าจะทำได้อย่างไร รีบนอนเร็ว พรุ่งนี้ข้าต้องไปประชุมเช้าอีก ถ้าขืนยังไม่นอนอีก ประเดี๋ยวข้าต้องสวมชุดมังกรไปประชุมเช้า ไม่ต้องได้นอนกันพอดี”

อินชิงเสวียนจึงผ่อนคลายลง

นางอยากถามเย่‍จิ่ง‍อวี้เรื่องอาการปวดหัวของเขาเหมือนกัน แต่ก็ได้ยินเสียงหายใจอยู่ข้างหลัง จึงคิดว่าเขาผล็อยหลับไปแล้ว

อินชิงเสวียนหันกลับมาอย่างเงียบๆ ซึ่งเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หลับไปแล้วจริงๆ ใบหน้าที่คมสันของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก

ในตอนนี้ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้หมดไปนานแล้ว

แสงจันทร์อันสดใสส่องผ่านหน้าต่าง สะท้อนไปยังใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ ภายใต้แสงการหักเหของแสง ยิ่งทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยนั้นดูคมสันและชัดเจนเรื่อยๆ

ดวงตาของเขาปิดลง แพขนตาตรงและหนา เช่นเดียวกับขนตาของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง ที่เป็นลักษณะเดียวกับขนตาเด็กทั่วไป ราวกับถูกจัดเรียงอย่างประณีต ประหนึ่งถูกกรีดเส้นคมบนเปลือกตา ยามลืมตาลูกตาขาวก็ตัดกับตาดำชัดเจน ดูลึกซึ้งเหลือประมาณ

อินชิงเสวียนอดใจไม่ได้ นางเหยียดนิ้วออกไปแตะเปลือกตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ เปลือกตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พลิกตัว และหลับไปอีกครั้ง

อินชิงเสวียนรีบชักนิ้วอันอยู่ไม่สุขของตัวเองออกทันที ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก่อนการประชุมเช้า อย่าเพิ่งไปปลุกเขาดีกว่า

หลังจากครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็ผล็อยหลับไป เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่อยู่ข้างๆ ได้จากไปแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู แล้วอวิ๋นฉ่ายก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับอ่างน้ำในมือ

ขณะที่มองตามหลังอวิ๋นฉ่ายไป อินชิงเสวียนก็พ่นลมหายใจออกมา

ระหว่างนางกับเย่‍จิ่ง‍อวี้...เรียกว่าความรักหรือเปล่า

เมื่อนึกถึงความใกล้ชิดเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางรีบผลักไสสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้ออกจากหัว แล้วเดินไปอุ้มลูกชายตัวอ้วนกลมของนาง

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮาขมวดคิ้วขณะนั่งบนเก้าอี้หงส์ มองดูชุยไห่แล้วพูดว่า “ฝ่าบาทเรียกหลวงจีนผ้หนึ่งเข้าวังจริงๆ หรือ”

ชุยไห่โค้งคำนับและพูดว่า “จริงพ่ะย่ะค่ะ เข้ามาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”

ไทเฮาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “ได้ตรวจสอบหรือไม่ ว่าคนผู้นี้มาจากที่ใด”

ชุยไห่กล่าวว่า “กระหม่อมส่งคนไปสอบถามตั้งแต่รู้เรื่องตอนแรกแล้ว บอกว่าเป็นหลวงจีนอาวุโสจากอารามหลงอิ่น ได้ยินมาว่าเป็นความคิดของโหราจารย์ เมื่อเร็วๆ นี้มีขุนนางราชสำนักหลายคนเสียชีวิตกะทันหัน โหราจารย์คำนวณว่าฮวงจุ้ยของต้าโจวเรามีปัญหา ต้องให้หลวงจีนอาวุโสขั้งมาทำพิธีแก้ไข”

ไทเฮาแค่นเสียงอย่างเย็นชา

“เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่เชื่อเรื่องนี้มิใช่รึ เหตุใดถึงปล่อยให้หลวงจีนเข้าวังท่อีก”

ชุยไห่กล่าวว่า “ขุนนางราชสำนักเสียชีวิตกะทันหัน กวนฮั่นหลินก็ถูกลอบสังหารเมื่อวานนี้ จนเกือบเสียชีวิต ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์ของราษฎรหลังมื้ออาหารเย็น แม้ฝ่าบาทจะมีองครักษ์เงา แต่ก็ไม่สามารถไปสสังหารผู้ใดได้โดยง่าย ที่ทรงทำเช่นนี้ ก็นับว่าการปฏิบัติตามความคิดเห็นของประชาชนแล้ว”

ไทเฮากล่าวอย่างขมขื่นว่า “พูดไปพูดมาสุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะเขา”

นางจิบชาแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่ามีราชโองการให้อินจ้งกลับราชสำนักแล้ว?”

ชุยไห่ตอบว่า “ราชโองการออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ประกาศตอนประชุมเช้าเมื่อวาน”

ทันใดนั้นสีหน้าของไทเฮาก็ดูบิดเบี้ยวน่าเกลียด

“ตอนนี้ตำหนักจินหวูใหญ่สุดในวังแล้ว ถ้าอินจ้งกลับมา ในวังหลังจะเหลือที่ว่างสำหรับใครอีก”

ชุยไห่เหลือบมองไทเฮาและกระซิบ “ตำหนักจินหวูก็เป็นเพราะว่ามีโอรสของฝ่าบาท ถ้าไม่เช่นนั้นฝ่าบาทก็คงไม่ไปที่นั่น ตอนนี้มีไต้ซือเข้าวังมา บางที...เราอาจใช้ประโยชน์ได้”

ไทเฮาจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “ความจริงง่ายๆ เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าบอกด้วยรึ แต่ต้องสืบให้แน่ชัดจริงๆ ว่าคนผู้นี้มาจากอารามหลงอิ่นจริงๆ หรือไม่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์