“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
เย่จิ่งอวี้มองไปยังไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ค่อยมั่นใจนัก
ไทเฮาทอดสายตามองไปข้างหน้าราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “วันนั้นข้าบังเอิญไปที่ห้องหนังสือ นางกำลังจะออกจากวัง อิงหงนางกำนัลของข้าถูกนางตีจนตาย ส่วนข้าก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ จึงโชคดีรอดมาได้”
ข้างกายไทเฮามีนางกำนัลที่มีนามว่าอิงหงที่เสียชีวิตกะทันหันหลังจากที่เสด็จแม่จากไปจริงๆ ด้วยเหตุนี้เย่จิ่งอวี้จึงสงสัยไทเฮามาโดยตลอด คิดว่านางฆ่าคนปิดปาก
หากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง หรือว่าฮวาเชียนจะเป็นผู้ร้ายที่ฆ่าเสด็จแม่ของเขา?
“สิ่งที่ข้าพอจะบอกได้ ข้าก็เล่าให้เจ้าฟังทุกอย่างแล้ว ฮ่องเต้จะยอมปรานีปล่อยลูกชายเพียงคนเดียวของข้าได้หรือไม่”
ไทเฮาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้นางเป็นเหมือนแม่ไก่ที่พ่ายแพ้ สูญเสียความเย่อหยิ่งเมื่อก่อนไปโดยสิ้นเชิง
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ ขอให้ข้าแน่ใจก่อนแล้วค่อยตัดสิน”
ทันใดนั้นไทเฮาก็เดือดขึ้นอีกครั้ง คำรามลั่น “เย่จิ่งอวี้ ข้าอยากให้เจ้ารับปากตอนนี้”
“วันนี้เจ้าพูดพอแล้ว ถึงเวลาหุบปากแล้ว เด็กๆ ทำการเจียกวนจิ้นเจวี๋นให้แก่ไทเฮา!”
เมื่อได้ยินคำว่าเจียกวนจิ้นเจวิ๋ย ไทเฮาก็เริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดทันที
“เจ้ากล้าดีอย่างไร เย่จิ่งอวี้ ข้าเป็นไทเฮา เจ้าไม่มีสิทธิ์จัดการกับข้า”
ผู้คุมคุกหลวงไม่แยแสแม้แต่น้อย สั่งให้คนเอาตัวไทเฮาลงจากเสา และมัดแขนขาทั้งหมดไว้กับเตียงเหล็กข้างๆ
ไทเฮาตื่นตระหนกมาก แม้เมื่อก่อนนางจะปากกล้าสักเพียงใด แต่นางก็ยังกลัวความตาย
“เย่จิ่งอวี้ หลังจากที่แม่ของเจ้าเสียชีวิต ข้าก็เคยดูแลเจ้า เจ้าคงไม่เนรคุณเช่นนั้นกระมัง”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเหน็บแนม “หากการวางยาพิษคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าดูแลข้า เช่นนั้นข้าก็ได้รับบทเรียนแล้ว และตอนนี้ข้าควรจะตอบแทนความเมตตาของเจ้า”
ไทเฮาหน้าซีดเผือด ตะโกนว่า “ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะถูกชุยไห่ยุยงเสี้ยมสอน ข้าไม่เคยต้องการทำร้ายเจ้าเลย”
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะให้ชุยไห่ถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า เมื่อเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะให้ประหารและจัดพิธีศพเจ้าอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติในฐานะไทเฮา!”
หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็เดินออกจากคุกหลวงโดยไม่หันกลับมามอง
อินชิงเสวียนยืนอยู่ตรงนั้นอีกสักพัก นางอยากเห็นว่าเจียกวนจิ้นเจวี๋ยคืออะไร
ยายแม่มดเฒ่าผู้นี้มีพิษสงมาก จะปล่อยให้นางตายอย่างสบายไม่ได้
เพชฌฆาตได้นำสิ่งที่คล้ายปอสาออกมา ชุบน้ำให้เปียก แล้วก็โยนปิดบนใบหน้าของไทเฮาเพื่อให้หายใจไม่ออก
ไทเฮาไอแค่กๆ แล้วร้องโหยหวนขึ้นมาอีก
“เย่จิ่งอวี้ เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า ข้าตายเป็นผีแล้วจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ที่แท้การทำเช่นนี้คือการประหารแบบเจียกวนจิ้นเจวี๋ย
ไม่ไหวแล้ว แค่มองดูเฉยๆ ยังรู้สึกหายใจไม่ออก จึงรีบเดินออกไปทันที
เย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ที่ประตู แสงจันทร์สีเงินสะท้อนร่างผึ่งผายกำยำ ยิ่งทำให้ดูอ้างว้างขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์เหนือศีรษะ เรียวตาหงส์ไหวระริก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อินชิงเสวียนจำต้องเดินเบาๆ เพราะกลัวว่าจะรบกวนเขา
ความจริงไม่ต้องถามก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาต้องคิดถึงเรื่องของหวนไท่เฟยอยู่แน่นอน
เย่จิ่งอวี้ประสาทสัมผัสว่องไว พอได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันหน้ามา และเห็นหญิงสาวตัวเล็กซ่อนตัวอยู่ในเงามืดทันที
ริมฝีปากบางของเขาคลี่ออกเล็กน้อย เกิดเป็นรอยยิ้มจางๆ
“เหตุใดถึงเพิ่งออกมา หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะโกงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยความโกรธ “หม่อมฉันจะไม่เชื่อในฝ่าบาทได้อย่างไร หม่อมฉันเพียงแต่ไม่ทราบว่าอะไรคือเจียกวนจิ้นเจวี๋ย จึงอยากดูหน่อย”
แสงจันทร์สะท้อนบนใบหน้างามหยาดเยิ้มของอินชิงเสวียน และแสงเงาเลือนรางทำให้ใบหน้าพริ้มเพราดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เย่จิ่งอวี้ชอบเห็นท่าทางโกรธปนยิ้มของนางเป็นพิเศษ จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาดึงร่างอรชรนี้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไม่กลัวหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...