อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยวางไปเสียดื้อๆ และหันไปเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิง
หลังจากเล่นสนุกนานกว่าสองชั่วยาม ในที่สุดเสี่ยวหนานเฟิงก็รู้สึกง่วง มือเล็กจ้อยขยี้ตายุกยิก
อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา พลางโยกตัวซ้ายขวา พลางร้องเพลงกล่อมเด็กไปด้วย
เสี่ยวหนานเฟิงเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น มองนางด้วยท่าทางน่ารัก ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานก็หลับไป
ยายหลี่อุ้มเด็กอย่างระมัดระวัง แล้วพูดกับอินชิงเสวียน “พระสนมรีบนอนเถิดเพคะ แม้ว่าเราไม่ต้องไปเฝ้าศพ แต่ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็ยังต้องไปคำนับพระศพ”
“อืม ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”
อินชิงเสวียนอ้าปากหาว การดูแลเด็กเป็นงานที่ใช้แรงมากจริงๆ ตอนนี้นางเริ่มปวดหลังแล้ว อยากนอนไปนอนพักบนเตียงแล้ว
เมื่อตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
อินชิงเสวียนยืดเส้นยืดสาย และลุกขึ้นจากเตียงด้วยจิตใจผ่องใส
เสียงหัวเราะของเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากข้างนอก อินชิงเสวียนเปิดหน้าต่าง ก็เห็นเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำกำลังจับหางของไป๋เสวี่ยเล่น
ตอนนี้ไป๋เสวี่ยกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กและเพื่อนเล่นของเสี่ยวหนานเฟิงแล้ว เมื่อคิดว่าเจ้าสุนัขได้ทุ่มเทเพื่อครอบครัวไม่น้อย อินชิงเสวียนจึงให้น้ำพุวิญญาณเป็นรางวัลแก่มัน
การดมกลิ่นของไป๋เสวี่ยไวมาก พอได้กลิ่นน้ำพุวิญญาณ มันก็วิ่งเข้ามาหาอย่างมีความสุขทันที
อินชิงเสวียนคุกเข่าลง ลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ยเบาๆ
“ช่วงนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
ไป๋เสวี่ยเกือกหน้ากลิ้งบนขาของอินชิงเสวียน จากนั้นก็อ้าปากเห่าเสียงดังครั้งหนึ่ง ราวกับจะบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ลำบาก
อินชิงเสวียนหยิบไส้กรอกออกมาอีกสองชิ้น แล้วป้อนให้ไป๋เสวี่ยกิน
เมื่อเสี่ยวหนานเฟิงเห็นของกิน เขาก็กระวนกระวายทันที ขยับปากเล็กจ้อยพูดว่า “กินกิน~”
“เจ้าจอมตะกละน้อย รอให้เจ้าโตขึ้นกว่านี้ก่อน แม่ค่อยให้เจ้ากิน ตอนนี้อดทนไว้ก่อนเถอะ”
อินชิงเสวียนเดินไปที่รถเข็นเด็กด้วยรอยยิ้ม แล้วเสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ให้นางอุ้ม ช่างติดคนจริงๆ เลย
อินชิงเสวียนกล่อมอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นชุดไว้ทุกข์
“ประเดี๋ยวพาเสี่ยวหนานเฟิงไปด้วยเถอะ ข้าจะเข้าไปพูดสักสองสามคำแล้วออกมา ตอนนี้อากาศไม่ร้อน เหมาะแก่การเดินเล่นในวังพอดี”
ยายหลี่ตอบว่า “เพคะ เด็กกำลังโต อยู่แต่ในตำหนักไม่ไหว ออกไปเดินเล่นก็ดี”
ณ ตำหนักฉือหนิง
มีขุนนางข้าราชสำนักหลายคนยืนอยู่ที่ลานตำหนัก ซึ่งรวมถึงกวนเมิ่งถิงด้วย และข้างกายของเขาก็เป็นเด็กรับใช้ที่ถูกโยนออกจากวังเมื่อวานนี้
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เด็กรับใช้ก็เลิกคิ้วสูง และก้มศีรษะลงอีกครั้ง
อินชิงเสวียนเดินผ่านเขาไป เดินตรงเข้าไปในห้องโถงกลาง
สายลมพัดมา ปอยผมก็ตกลงที่ข้างแก้มเล็กๆ ดวงนั้น และกลิ่นหอมจางๆ ก็กรุ่นกำจรเข้าจมูกของเด็กรับใช้ในทันที
มุมปากของเขากระตุกขึ้น สีหน้าเคลิบคลิ้ม แล้วอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองไปยังอินชิงเสวียน
รู้สึกว่ารูปร่างนั้นดูสง่างามมาก จนแทบรอไม่ไหวที่จะคว้าเอวคอดนั้นมาไว้ในมือ แล้วเชยชมเล่นสักครั้ง...
ในห้องโถง เย่จิ่งเย่าสวมชุดไว้ทุกข์ คุกเข่าอยู่หน้าโลงศพ
และสตรีในชุดขาวที่มากับเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจียงซิ่วหนิงผู้เป็นบุตรสาวของโหวเหนือ
ทางด้านขวาที่อยู่ถัดมาก็คือเย่ไห่ถังที่สวมชุดไว้ทุกข์เช่นกัน ขอบตาของนางแดงก่ำ และเย่จิ่งหลาน ที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้างัวเงียอยู่บนพื้น
ที่หน้าโลงศพมีแม่ชีกลุ่มหนึ่งกำลังคุกเข่าสวดมนต์ให้ไทเฮา คิดว่าหลังจากเกิดเรื่องเสวียนเทียนขึ้นแล้ว เย่จิ่งอวี้จึงเปลี่ยนจากหลวงจีนให้เป็นแม่ชีแทน
ข้างหลังพวกเขาคือซูฉ่ายเวยและนายหญิงอีกหลายคน รวมถึงสนมของอ่องเต้องค์ก่อนอีกหลายสิบคนที่อินชิงเสวียนไม่รู้จัก
บ้างก็กำลังเล่นผ้าเช็ดหน้า บ้างก็ใช้นิ้วแคะเบาะนั่งอย่างเบื่อๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...