สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 345

ณ วังหลวง

เมื่อเสียงไก่ขันดังขึ้นสามครั้ง ในที่สุดเย่‍จิ่ง‍อวี้กค่อยๆ ตื่นขึ้น

พอลืมตาขึ้น เขาเห็นหมอหลวงคุกเข่าอยู่บนพื้น

เขาลุกขึ้นนั่งทันที “เสวียน‍เอ๋อร์กลับวังแล้วหรือยัง”

หมอหลวงเหลียงคลานไปข้างหน้าหลายก้าว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “พระสนมเหยาเฟยเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่พระวรกายเป็นสำคัญด้วยเภิดพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากนั้นทันทีก็มีเสียงที่ชัดเจนและอ่อนโยนดังขึ้นในห้อง

“กระหม่อมได้ส่งคนออกจากเมืองไปค้นหาแล้ว ฝ่าบาทโปรดอย่ากังวลเกินไปนัก”

ครั้นแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏสู่คลองสายตา และเห็นเสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะที่สะดุดตาเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้น

“เสด็จอามาตั้งแต่เมื่อไหร่”

เย่จั้นมองเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างเป็นห่วง

“หมอหลวงเหลียงส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบ ตอนนี้ฝ่าบาทรู้สึกอย่างไรบ้าง”

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ลุกจากเตียง สวมรองเท้าหุ้มส้นทรงสูงมังกรทองสีเหลืองอ่อน

เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เสด็จอาได้ข่าวอะไรบ้างหรือไม่”

เย่จั้นส่ายศีรษะ “ยังไม่มี”

แม้ว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้จะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นเช่นนี้ แต่เลือดในอกของเขายังคงพลุ่งพล่าน

เขาหายใจเข้าอย่างแรง ระงับเกลียวคลื่นโลหิตในอก ขบฟันกรามแน่นแล้วพูดว่า “ถ้าโจรชั่วอย่างอา‍ซือ‍หลานกล้าพาตัวเสวียน‍เอ๋อร์ไป ข้าจะไปรับกับเจียงวูด้วยตัวเอง ทำลายดินแดนเล็กๆ นั้น เหยียบย่ำเป็นเถ้าถ่านซะ”

เย่จั้นถอนหายใจอย่างเงียบๆ

ในฐานะบุรุษ เขาย่อมเข้าใจความรู้สึกของเย่‍จิ่ง‍อวี้ได้เป็นธรรมดา

และเขาก็เคยสูญเสียคนรักไปเช่นกัน

เมื่อนึกถึงใบหน้าที่คล้ายกับอินชิงเสวียนมาก ในใจของเย่จั้นก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างกะทันหัน แล้วจึงพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอบอุ่นทันที “ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวายมาก ฝ่าบาทอย่าใช้อารมณ์แก้ไขปัญหาเด็ดขาด ส่วนเรื่องของพระสนมเหยาเฟย ข้าจะส่งคนไปค้นหาเพิ่มเติม ด้วยความเฉลียวฉลาดของพระสนม จะต้องทิ้งเบาะแสไว้ให้พวกเราอย่างแน่นอน”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ในความสับสนยุ่งเหยิงดั่งด้ายพันกัน พรุ่งนี้เป็นพิธีงานศพของไทเฮา และยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เขาจัดการ แต่พอเขาคิดว่าอินชิงเสวียนและจ้าวเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในวัง เขาจะรู้สึกสบายใจได้อย่างไร

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่คนประหลาดผมขาวพูด เนื่องจากเขาบอกว่าเขาอาศัยอยู่ที่บ้านใกล้ๆ ร้านขายยาเทียนอัน ฉะนั้นเขาต้องยังอยู่ที่นั่น

เย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองหมอหลวงแล้วพูดว่า “ท่านถอยออกไปก่อน เสด็จอา ออกจากวังไปกับข้า”

เย่จั้นพยักหน้า ไม่ถามคำถามอีกต่อไป

ตอนนี้ไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว เหล่าขุนนางข้าราชสำนักที่ชอบตีสองหน้าเหล่านั้นก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ อีกต่อไป แม้ว่าเย่จิ่งเย่าอยู่ในวัง แต่ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุม

เย่‍จิ่ง‍อวี้ผิวปาก แล้วไป๋เสวี่ยที่นอนอยู่ไม่ไกลก็วิ่งเข้ามาหาทันที

เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งยองๆ อยู่บนพื้น ตบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย

“ตามข้ามา พาข้าไปตามหาจ้าวเอ๋อร์ ระหว่างทางก็อย่าลืมดมหากลิ่นของเสวียน‍เอ๋อร์ด้วยนะ”

ไป๋เสวี่ยเห่า แล้ววิ่งตามหลังม้าไป

ทว่าในใจของเขาไม่มีความหวังมากนัก หากอีกฝ่ายจงใจต้องการซ่อนตัวอินชิงเสวียน สิ่งที่เขาคิดได้ พวกเขาก็สามารถคิดได้เช่นกัน

ตอนนี้ต้องหาลูกชายให้เจอก่อน แล้วค่อยคิดถึงเรื่องอื่น

ครั้นแล้วสองอาหลานก็รีบออกจากวัง แล้วสิบห้านาทีต่อมา พวกเขาก็มาถึงประตูร้านขายยาเทียนอัน

ไป๋เสวี่ยดมกลิ่นไปตามถนน ทันใดนั้นก็ยืนอยู่หน้าบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเห่าเข้าไปข้างใน

เย่‍จิ่ง‍อวี้กระโดดตัวขึ้นไปเพียงอึดใจเดียว ร่างตัวของเขาปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้ว

มีคนผู้หนุ่งยืนอยู่ที่ลานบ้าน ราวกับกำลังรอเขาอยู่

ผมสีขาวเงินถูกมัดเป็นมวยหลวม ที่ดูทั้งเป็นอิสระและสง่างาม

ทันทีที่เย่‍จิ่ง‍อวี้จรดฝีเท้าลงยืนอย่างมั่นคง ชายผมขาวก็หันหน้ามา

เขาถามด้วยน้ำเสียงสงบ “คนที่ข้าต้องการ ได้พามาแล้ว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์