สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 365

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสจะสอนบทเพลงใดให้ผู้เยาว์?”

ด้านในบ้าน อินชิงเสวียนเริ่มปริปากพูดก่อน

พูดตามความจริง นางไม่มีความสนใจต่อส่ิงนี้เลย

เครื่องดนตรีชนิดเดียวในชีวิตที่อินชิงเสวียนชื่นชอบก็คือขลุ่ยดินเผา หากเรียนเป่าขลุ่ยดินเผากับเย่จิ่งหลาน ไม่แน่ว่าอาจจะสนใจมันมากขึ้นด้วยซ้ำ

ชายผมขาวพูดขึ้นเสียงเรียบ “เจ็ดวันนี้ ข้าจะสอนเจ้าสองบทเพลง ชื่อเพลงว่าหยกรัตติกาลและใจหินผา”

เขาชะงักไปเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ภรรยาของข้าที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นผู้แต่งเพลงทั้งสองบทนี้ ข้าทำใจไม่ได้ที่จะฝังผลงานอันเป็นที่รักของนางลงไว้ใต้ดิน ดังนั้นข้าจึงนำพิณการเวกไปที่โรงเตี๊ยมโหย่วเจีย โดยหวังว่าจะใช้มันเพื่อเลือกผู้ที่บรรเลงพิณโบราณให้เกิดเสียงขึ้นมาได้”

อินชิงเสวียนจึงรีบฉวยโอกาสถามขึ้นว่า “ผู้เยาว์ได้ยินมาว่า มีผู้ที่สามารถบรรเลงพิณโบราณให้เกิดเสียงได้ก่อนผู้เยาว์ ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโส?”

ชายผมขาวตกใจเล็กน้อย

“มีผู้อื่นด้วยหรือ? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใดกัน?”

อินชิงเสวียนพูดว่า “น่าจะราวๆ สองปีก่อนเจ้าค่ะ”

ชายผมขาวพูดพึมพำว่า “สองปีก่อนข้ามีธุระอยู่สักพักใหญ่ๆ และตัวข้าก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง อาจเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต ข้าและนางจึงไม่มีวาสนาต่อกัน”

อินชิงเสวียนขานตอบรับและถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเคยได้ยินชื่อสำนักกระบี่สังหารหรือไม่?”

ชายผมขาวเลิกคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมกัน?”

“เอ่อ...”

อินชิงเสวียนกระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของท่านอาน้อยของข้า มีคนเคยได้ยินเสียงกระพรวนในที่ที่ท่านอาน้อยหายตัวไป และพอดีกับที่ผู้เยาว์ได้รู้จักผู้ที่มีนามว่าต่งจื่ออวี๋ เขาบอกว่าตัวเองมาจากสำนักกระบี่สังหาร และมีกระพรวนทองติดตัว”

ชายผมขาวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เจ้ารู้จักกับต่งจื่ออวี๋ที่ใด?”

อินชิงเสวียนเล่าตามความจริง

“ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาบอกว่าเขามาเมืองหลวงเพื่อตามหาอาจารย์อาของเขา พวกเราจึงเป็นเพื่อนร่วมทางกัน”

สีหน้าของชายผมขาวเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมาก แต่เพียงไม่นานก็หายไป

“ในเมื่อเจ้าเป็นคนของราชวงศ์ อย่าได้ผูกสัมพันธ์กับคนในสำนักจะดีกว่า เอาล่ะ ไปนั่งอีกด้านหนึ่งและจงตั้งใจฟังอย่างละเอียด ทุกบทเพลงข้าจะบรรเลงเพียงแค่หนึ่งครั้ง เจ้าจำได้มากน้อยเพียงใด อยู่ที่ความสามารถของตัวเจ้าเอง”

อินชิงเสวียนแอบเหลือบมองไปที่ลูกน้อย หากบรรเลงพิณก็จะต้องมีเสียงดังเป็นแน่ เสี่ยวหนานเฟิงจะไม่ตื่นขึ้นมาหรอกหรือ

ราวกับว่าชายผมขาวได้ยินความคิดของนาง จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “เจ้าวางใจได้ เสียงพิณนี้มีเพียงเจ้าและข้าที่จะได้ยิน นี่คือเพลงหยกรัตติกาล เจ้าตั้งใจฟังให้ดี”

เขาเหยียดนิ้วขาวซีดและเรียวยาวออก แล้วแตะลงบนพิณอย่างช้าๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ เสียงโน้ตที่ทุ้มต่ำและนุ่มนวลก็สั่นไหวราวกับคลื่นน้ำในอากาศ

ดนตรีเริ่มจากช้าไปเร็ว ราวกับคลื่นทะเลสีฟ้าที่ซัดเข้ามา และเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ที่กระทบโขดหิน ผสานกับเสียงคำรามที่น่าตกใจ พลังเสียงอันยิ่งใหญ่ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ และการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด

อินชิงเสวียนฟังจนลมหายใจเริ่มถี่ขึ้น เลือดลมที่หัวใจพลุ่งพล่านไม่หยุดนิ่ง แต่ก็ยังต้องการที่จะจำแนกเสียงสัมผัสนั้น เมื่อฟังดูแล้วก็รู้สึกว่าระดับเสียงนั้นขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดเลย แต่สามารถเล่นเพลงที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ได้ มันน่าประหลาดใจจริงๆ อินชิงเสวียนตกอยู่ในภวังค์โดยสมบูรณ์

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด มือข้างหนึ่งก็ตบลงบนไหล่ของนางเบาๆ หนึ่งที

อินชิงเสวียนได้สติกลับมาในทันที จึงพบว่าบทเพลงได้บรรเลงจบแล้ว

ใต้โพรงจมูกมีความรู้สึกเปียกชื้น เมื่อยกมือขึ้นสัมผัสก็มีเลือดกำเดาไหลออกมา

ชายผมขาวยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง มีความชื่นชมเกิดขึ้นในดวงตาของเขา

“ไม่เลว” เขาพยักหน้าแล้วพูด

หน้าอกของอินชิงเสวียนยังคงสั่นไหวขึ้นลงอยู่เล็กน้อย ราวกับว่านางยังไม่ฟื้นตัวจากคลื่นพายุ

นางไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านสัมผัสของดนตรี แต่วันนี้ที่ได้ยินเสียงเพลงบทนั้น นางมองเห็นความอาฆาตแค้นในการสังหารที่เกิดขึ้นทีละชั้น ราวกับว่ามีดนับพันเล่มกดทับนางไว้ ทำให้นางหายใจไม่ออก และมีเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มแผ่นหลัง

“เจ้าจำได้มากน้อยเพียงใด?”

ชายผมขาวมองนางและถามขึ้น

อินชิงเสวียนตั้งสมาธิและนึกย้อนอย่างละเอียด กลับพบว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย ลืมแม้กระทั่งว่าเขาดีดพิณอย่างไร

ความอาฆาตแค้นในการสังหารที่สะท้อนอยู่ในใจ ยังคงทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความหวาดกลัว

“คือว่า... ผู้เยาว์จำได้ไม่มาก”

ชายผมขาวขมวดคิ้ว

“เพราะเหตุใด?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์