สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 366

อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า นางไม่เพียงสามารถเข้าชมมิติจากด้านนอกได้ แต่นางยังสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลจากความคิดของนางได้อีกด้วย

เมื่อมองดูธัญพืชและผักผลไม้ที่จัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

เมื่อก่อนจะทำสิ่งใดก็ต้องเข้าไปในมิติ ซึ่งมีความยุ่งยากจริงๆ

และเมื่อเห็นสองหมื่นคะแนนที่แสดงอยู่ในระบบ อินชิงเสวียนก็ดีใจจนแทบกรี๊ดออกมา

ก่อนหน้านี้นางใช้แรงในการเล่นพิณ แต่ก็ไม่ได้รับรางวัล หากไม่ใช่เพราะเนื้อเพลง ก็ต้องเป็นเพราะความแตกต่างของพิณการเวก ครั้งนี้นับว่ามาถูกทางแล้ว

ตอนนี้นางได้เข้าใจความรู้สึกของคนรวยยุคใหม่เสียที และนางก็อยากไปที่ร้านค้าสะสมคะแนนเป็นพิเศษ เพื่อแลกเนื้อเสียบไม้ย่างมาลองชิมดู

ทักษะการกระโดดสุดขีดก็ค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียว หากนางใช้ทักษะนี้ได้ตั้งนาน วันนั้นคงไม่ปล่อยให้อาซือหลานจับตัวเสี่ยวหนานเฟิงไปได้แน่

เพียงแต่... ห้าสิบห้าสิบนี่คืออะไรกัน?

ด้านล่างทักษะไม่ได้ระบุอะไรไว้อย่างละเอียด อินชิงเสวียนคิดอยู่นานก็ไม่เข้าใจความหมาย นางจึงล้มเลิกความคิดไป

ไม่นาน ขอบฟ้าก็ขาวสว่างขึ้นราวกับท้องปลา

เสี่ยวหนานเฟิงพลิกตัว ดวงตาดำแป๋วลูกโตก็เบิกกว้างขึ้น

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ดวงตาสีดำเข้มราวกับหินภูเขาไฟก็โค้งขึ้นในทันที จากนั้นก็ร้องขึ้นเสียงเล็กเสียงน้อย “เหนียงเหนียง~”

อินชิงเสวียนรีบอุ้มลูกขึ้นมาทันที แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเพียงหนึ่งวัน ดูเหมือนว่าเจ้าลูกตัวน้อยจะหนักขึ้นอีกแล้ว

“คิดถึงแม่ใช่ไหม?”

อินชิงเสวียนจูบลงบนแก้มอวบอ้วนของเสี่ยวหนานเฟิงหนึ่งที

เสี่ยวหนานเฟิงตอบไม่เป็น จึงทำปากจู๋และหอมลงบนใบหน้าของนาง

ปากเล็กที่เปียกชื้นประทับลงบนใบหน้าของนาง ความอ่อนโยนในใจของอินชิงเสวียนถูกสัมผัสในทันที และนางก็อดไม่ได้ที่จะกอดเขาให้แน่นขึ้น นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร่างเดิมจริงๆ ที่ช่วยให้นางได้กำเนิดลูกที่น่ารักเช่นนี้

“ขอบใจลูกรัก”

อินชิงเสวียนจี้ลำคอที่บอบบางและอ่อนโยนของเสี่ยวหนานเฟิง

เสี่ยวหนานเฟิงหัวเราะร่าขึ้นมาในทันที

อินชิงเสวียนกลัวลูกน้อยจะรบกวนคนประหลาดคนนั้น จึงเหลือบมองไปยังด้านมอง เมื่อเห็นว่าเขายังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ก็วางใจลง

ผ่านไปไม่นาน พระอาทิตย์ก็ส่องแสงจ้า

อินชิงเสวียนวางเสี่ยวหนานเฟิงลงบนเบาะนั่ง และหยิบขวดนมใหม่ออกมาจากในมิติ และชงนมผงให้กับเสี่ยวหนานเฟิง

ชายผมขาวเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นขวดนม สายตาของเขาก็แสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ถามอะไรมาก

เสี่ยวหนานเฟิงถือขวดนมพร้อมกับกินนมอยู่ เมื่อเห็นชายผมขาวเข้ามา ก็ยื่นมือเล็กๆ ชี้ไปที่เขาในทันที ปากเล็กก็พูดจาอ้อแอ้

เมื่อมองเสี่ยวหนานเฟิง แววตาของชายผมขาวก็อ่อนโยนลงมาก จากนั้นก็มองไปที่อินชิงเสวียน

สายตาดุดันขึ้นมาในทันที

“เจ้ามีเวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น จะต้องเรียนสองเพลงนี้ให้ได้”

อินชิงเสวียนน้อมตัวลงอย่างอึดอัด

“ผู้เยาว์จะพยายามให้มากที่สุด ผู้อาวุโสจะช่วยทิ้งหนังสือเพลงให้ผู้เยาว์ได้หรือไม่ เพื่อที่จะสะดวกในการฝึกฝน”

“ไม่มีหนังสือ บทเพลงทั้งสองจำเป็นต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเท่านั้น แม้แต่ตัวข้าเองก็เข้าใจเพียงเจ็ดในสิบส่วน หากเจ้าสามารถเข้าใจได้เพียงครึ่งหนึ่ง ข้าก็จะวางใจได้มากทีเดียว”

รูปร่างลักษณะของชายผมขาวไม่น่าจะเกินยี่สิบกว่าปี แต่กลับเรียกแทนตัวเองว่าข้าผู้อาวุโส อินชิงเสวียนอยากถามเป็นอย่างมากว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่แสนเย็นชาของเขา จึงทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้

“เช่นนี้นี่เอง ผู้เยาว์จะทำความเข้าใจให้ดี”

“อืม”

ชายผมขาวเอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวหนานเฟิง

“ข้าจะมอบเวลานี้ให้แก่เจ้า”

เสี่ยวหนานเฟิงเกาะบนไหล่ของชายผมขาวอย่างว่าง่าย ตอนที่เดินออกนอกประตูยังโบกมือน้อยๆ ให้กับอินชิงเสวียน ท่าทางช่างน่ารักเสียจริง

อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แต่ก็หยุดลง

ช่างเถอะ อย่างไรลูกชายก็เป็นของนางไปตลอดชีวิต ไม่ต้องรีบร้อน การเรียนบรรเลงบทเพลงมีเวลาจำกัด รีบเอาเวลามาทำความเข้าใจดีกว่า

หากเปรียบเทียบกับหยกรัตติกาล อินชิงเสวียนชอบใจหินผามากกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์