“ได้!”
อินจ้งตะโกน
“จะกองทัพนับพันพวกเราตระกูลอินยังไม่กลัว แค่โจรถ่อยไม่กี่คนจะกลัวไปไย ลูกชายคนดีของข้า ไปกำจัดศัตรูกับพ่อกันเถอะ”
อินปู้อวี่ก็ตะโกนเสียงทุ้ม “ฆ่า!”
สองพ่อลูกไปสมทบในจุดเดียวกัน และยืนปักหลักต่อสู้กับคนชุดดำ
นี่คือการต่อสู้ที่ชี้ชะตา มีเพียงแต่ต้องชนะ ห้ามแพ้เด็ดขาด!
พวกเขายังไปไม่ถึงเมืองหลวง ยังไม่เห็นญาติพี่น้องของตัวเอง แม้จะตายก็ตายตาไม่หลับอยู่ดี
ยิ่งควรไปถามฝ่าบาทด้วยตัวเองว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้กับตระกูลอิน
ความเศร้าโศกระคนความโกรธสุมแน่นอยู่เต็มอก ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือต้องฆ่า
เมื่อสองพ่อลูกร่วมมือกัน ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้!
พลังการต่อสู้ที่ปะทุอย่างกะทันหันทำให้คนชุดดำต้องล่าถอยทีละก้าว มีหลายคนก็ล้มลงกับพื้นในพริบตา
เพื่อปกป้องพ่อของเขา อินปู้อวี่ถูกยิงด้วยลูกธนูอีกสามดอก แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงเจ็บปวดจนเสียดกระดูก
เขากัดฟันไม่ยอมพ่ายแพ้ ยึดกระบี่พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่เขามีเลือดออกมากเกินไป เรี่ยวแรงก็ถดถอยลงไปมาก
ในขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่าน คมดาบก็ได้ฟาดฟันมาที่ลำคอของเขาแล้ว
แม้ว่าอินจ้งจะอยู่ห่างจากลูกชายของเขาเพียงไม่กี่ก้าว แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยได้ทันท่วงที จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าโศก
“ปู้อวี่!”
เมื่อเห็นว่าอินปู้อวี่กำลังจะตายเพราะคมดาบนั้น แส้ยาวก็ตวัดออกมาจากด้านข้าง และเกี่ยวบนใบมีดอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังสะท้าน
คนผู้นั้นรู้สึกว่าข้อมือชาในทันที ดาบในมือหลุดร่วงลงกับพื้นในฉับพลัน
ในเวลาเดียวกัน คนชุดดำหลายสิบคนก็เหาะออกมาจากป่า แต่ละคนสวมชุดเกราะหนังสีดำและดูท่าทางสง่างาม
หลังจากสิ้งเสียงคำรามลั่น ผู้ที่ยิงธนูในป่าก็ถูกตัดศีรษะไปหมด
ซึ่งผู้นำเป็นชายร่างผอมในวัยสามสิบ ทันทีที่จรดฝีเท้าลงกับพื้น เขาก็ตะโกนก้องด้วยความเดือดดาล “เจ้าโจรถ่อย กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายครอบครัวของแม่ทัพอิน ฆ่ามัน!”
ด้วยการตวัดแส้เพียงครั้งดียว นักฆ่าที่กำลังจะลงดาบกับอินปู้อวี่ก็เนื้อหลุด เปล่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช
เมื่ออินปู้อวี่มองใกล้ๆ จนชัดเจน เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะความจริงแล้วแส้เหล็กของคนผู้นั้นมีหนามเป็นประกายแวววาว
คนที่เหลือก็ดึงแส้ยาวที่มีหนามถี่ๆ ออกมา ทุกครั้งที่เหวี่ยงแส้ คนเหล่านั้นจะส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช เพียงพริบตาเลือดก็กระเซ็นออกไป
อินจ้งนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่เขาไม่มีเวลาถามว่าอีกฝ่ายคือใคร รีบเข้าไปประคองลูกชายของตนขึ้น
“ปู้อวี้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
อินปู้อวี่กระตุกมุมปากขึ้น “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร”
ในเวลานี้ คนชุดเกราะสีดำถือกล่องก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง
“ท่านแม่ทัพเฒ่าไม่ต้องกังวล ข้ามียาจินชวงที่ดีที่สุดอยู่ ทำให้นายน้อยรองปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เขาคล่องแคล่วมาก ฉีกเสื้อคลุมของอินปู้อวี่ออก จากนั้นโรยยาจินชวงบนบาดแผลของเขา
มีไอเย็นออกมาจากตัวยา ความเจ็บปวดบรรเทาลงในทันที
เมื่ออินจ้งได้กลิ่นยา หัวใจก็เต้นอย่างแรง
“นี่คือ...ยาที่หัวหน้าหมอหลวง หมอหลวงเหลียงเป็นผู้ปรุง?”
คนผู้นั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ทัพเฒ่ายังจำกลิ่นนี้ได้ด้วยรึ ข้าเห็นว่าแม่ทัพเฒ่าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พวกเราใส่ยาก่อน แล้วค่อยคุยกันเถอะ”
อินจ้งพยักหน้า คลายเสื้อคลุมออก และเรียกเพื่อนเก่าแก่อย่างต่งเฉียวเข้ามาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...