สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 39

ยายหลี่รีบอุ้มเจ้าหมาน้อยแล้วโยกตัวไปมา

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ!”

แต่เจ้าหมาน้อยกลับยังร้องไห้ไม่หยุด ร่างกายเล็กๆ เหยียดตัวตรง ขาป้อมๆ เตะไปมา อารมณ์ร้ายไม่เบา

อินชิงเสวียนทนไม่ไหว เอื้อมมือไปรับเขามา

“ไม่ร้องไห้นะลูก ไม่ใช่ว่าแม่ของเจ้าจะไม่กลับมาอีก”

ทันทีที่อยู่ในมือของอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยก็หยุดร้องไห้ จ้องมองนางด้วยดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

เมื่อมองดูปากเล็กๆ ของเขาพร้อมน้ำตาหยดเล็กๆ บนแพขนตา อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความรักของแม่ที่ล้นเหลือ นางจูบดวงแก้มเล็กๆ ของเขาด้วยความทุกข์ใจ

“อย่าร้องไห้นะลูกรัก แม่ไปหาเทพเซียนเอาของเล่นมาให้เจ้า”

เจ้าหมาน้อยยังคงมองอินชิงเสวียนด้วยตาโต ศีรษะเล็กๆ ส่ายอย่างแรง ส่ายกระแทกหน้าของอินชิงเสวียน แล้วเริ่มกัดใบหน้าของนาง

อินชิงเสวียนถูกกัดรู้สึกเจ็บๆ คันๆ จนอดหัวเราะไม่ได้

เจ้าหมาน้อยก็โบกไม้โบกมือตามนาง ดวงตาสีเข้มเล็กๆ ของเขาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวเล็กๆ สองวง

ช่างเป็นเจ้าตัวน้อยที่น่ารักจริงๆ!

อินชิงเสวียนชอบเด็กๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งเป็นเจ้าหมาน้อยผู้น่ารักน่าเอ็นดู ความคิดแวบหนึ่งยิ่งรู้สึกว่าไม่อยากจากไปที่ใด

การเล่นกับเด็กนั้นน่าสนใจมากกว่าการรับใช้บิดาสารเลวของเขาอย่างแน่นอน แต่ถ้าอยู่นานเกินไปก็กลัวว่าจะทำให้เย่จิ่งอวี้ขุ่นเคืองเข้า จึงให้ยายหลี่อุ้มเขาไว้ ส่วนตัวเองก็เข้าไปในมือติเพื่อไปแลกเปลี่ยนกลองป๋องแป๋งกับรถไฟฟ้าของเด็กเล่นมาให้เจ้าหมาน้อย

เมื่อเห็นว่ารถสามารถเคลื่อนที่และส่งเสียงได้ เจ้าหมาน้อยก็ก็ถูกดึงดูดด้วยสิ่งนั้นทันที

ชี้มือไปที่รถพร้อมทั้งพูดอ้อแอ้

อินชิงเสวียนใช้โอกาสนี้คลานออกมาจากประตูสุนัข

อวิ๋นฉ่ายก็มาส่งพระสนมของตนถึงนอกลานบ้าน นอนลงที่ประตูแล้วพูดว่า “พระสนม ท่านต้องระวังตัวด้วยนะเพคะ!”

อินชิงเสวียนกระซิบอยู่อีกด้านของกำแพง “รู้แล้ว ข้าจะหาเวลาว่างกลับมาอีก ของที่มีพวกเจ้าก็อย่ามัวแต่เก็บไว้ อยากกินอะไรก็กินได้เลย”

เมื่อสักครู่นี้นางเพิ่งเข้าไปในมิติ พบว่าเมล็ดพืชที่นางปลูกได้ออกดอกแล้ว อีกไม่เกินสองสามวันก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว เมื่อถึงยามนั้นนางก็จะได้คะแนนสะสมเพิ่มอีกหนึ่งร้อยคะแนน ตอนนี้นางไม่ต้องแลกข้าวแลกผักแล้ว แค่แลกเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากนัก

ปัจจุบันมีข้าว ธัญพืช และผักจำนวนมากถูกเก็บไว้ในมิติ แม้ว่าจะไม่เน่าเสีย แต่ก็ไม่สามารถนำออกมาขายได้ ซึ่งทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้าง

ช่างเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรจริงๆ

ตอนนี้หากต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ ทำได้เพียงออกจากวังไปหาคลังเก็บของเท่านั้น

แต่เย่จิ่งอวี้ไม่ยอมให้นางออกจากวังเลย ดังนั้นนางจึงต้องหาทางโน้มน้าวใจเขาให้ได้

อินชิงเสวียนครุ่นคิดขณะที่กำลังเดิน จนกระทั่งเดินไปจนถึงหน้าประตูตำหนักเฉิงเทียน ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้ นางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก้มศีรษะลงแล้วเดินเข้าไป

เสี่ยวอานจื่อยืนอยู่ที่ทางเข้าตำหนัก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นอินชิงเสวียน

“เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ที่สามารถเดินไปรอบๆ วังหลวงได้อย่างอิสระ ต่างจากพวกเรา วันๆ ทำได้เพียงแค่อยู่เฝ้าที่นี่”

“มีอะไรให้ต้องอิจฉา ข้าแค่ไปหาน้องสาวเท่านั้น”

อินชิงเสวียนนั่งบนบันไดหน้าตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

เสี่ยวอานจื่อเข้ามาทันที เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ได้ยินมาว่าน้องสาวของเจ้ารับใช้สนมในวังเย็นรึ”

“ใช่”

อินชิงเสวียนเหลือบมองที่ห้องโถงหลักซึ่งสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เดาว่าหลี่เต๋อฝูคงกำลังปรนนิบัติรับใช้อยู่ด้านใน

เสี่ยวอานจื่อถามอีกครั้ง “พระสนมที่อยู่ในวังเย็นตายแล้วจริงๆ รึ”

อินชิงเสวียนพูดทันที “ตายแล้ว ตายอย่างอนาถ เหลือกระดูกเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น”

เสี่ยวอานจื่ออดไม่ได้ที่จะหดคอ

พูดเสียงอ่อนเสียงหวานดั่งสตรี “โอ้ แล้วน้องสาวของเจ้าอยู่ที่นั่นไม่กลัวหรอกรึ”

อินชิงเสวียนกลอกตามองบน

“กลัวแล้วจะทำเช่นไรได้ ก็ฝ่าบาทไม่ยอมปล่อยให้ออกมา”

เสี่ยวอานจื่อถอนหายใจและหยุดพูด

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เต๋อฝูก็เดินออกจากห้องโถงและโบกมือให้ทั้งสองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์