สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 40

ทันใดนั้นดวงตาของอินชิงเสวียนก็เป็นประกายวาว นางก็รีบหยิบหยวนเป่าทองคำทันที

“ขอบพระทัยองค์หญิง”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้สัมผัสหยวนเป่าทองคำ ก้อนทองมีขนาดประมาณฝ่ามือ หนักสองเหลี่ยง[footnoteRef:1] ยามที่สัมผัสนั้นให้ความรู้สึกเรียบและกะทัดรัด ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก [1: เหลี่ยง 1 เหลี่ยง เท่ากับ 50 กรัม]

เย่ไห่ถังหัวเราะเบาๆ

“ไม่ต้องเกรงใจ หากเจ้ามีอะไรสนุกๆ หรือมีประโยชน์ ข้าก็จะซื้อจากเจ้าอีก”

อินชิงเสวียนรีบเอ่ยขึ้นทันควัน “ตอนนี้กระหม่อมก็มีของดีจริงๆ เช่นนั้นก็ขอถวายให้องค์หญิงเลย”

นางหยิบชาดทาปากออกมาจากอกเสื้อ เดิมทีนางต้องการให้เย่จิ่งอวี้ช่วยขาย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาคือฮ่องเต้ การค้านี้เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เช่นนั้นก็มอบให้องค์หญิงเลยดีกว่า

“นี่คือชาดทาปากรูปแบบใหม่ เป็นสิ่งที่พี่ชายของกระหม่อมนำมาจากแคว้นฮว๋าเซี่ยเช่นกัน หวังว่าองค์หญิงจะรับไว้พ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนเปิดฝาออก แล้วหมุนแท่งชาดทาปากออกมา

ดวงตาคู่งามของเย่ไห่ถังเบิกกว้าง นางมองดูชาดทาปากด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดเจ้าสิ่งนั้นถึงค่อยๆ โผล่ออกมาได้

เมื่อมองดูสีแดงสดซึ่งงดงามกว่าชาดทาปากที่ตัวเองเคยใช้ในยามปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชอบ จึงเอื้อมมือไปรับมาทันที

เมื่อหยิบขึ้นมาสูดดมกลิ่น สิ่งนี้ยังมีกลิ่นผลไม้หอมๆ อีกด้วย ยิ่งรู้สึกชื่นชอบมากยิ่งขึ้น

ครั้นแล้วอวิ๋นเฟิงก็หยิบหยวนเป่าทองคำออกมาอีกแท่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว หายากที่เจ้านายของตนจะดูมีความสุขเช่นนี้ เงินเพียงเล็กน้อยนี่เทียบไม่ได้เลย

ทันทีที่อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณจบ ไป๋เสวี่ยก็วิ่งหนีไปอีกครั้ง แล้วจึงรีบพูดเร็วๆ “กระหม่อมขอตัวก่อน หากไป๋เสวี่ยหายไป ฝ่าบาทต้องเอาผิดกระหม่อมแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เย่ไห่ถังกำลังศึกษาชาดทาปากอยู่ นางโบกมือแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”

อินชิงเสวียนยัดหยวนเป่าทองคำใส่ในอกเสื้อ แล้วรีบตามไป๋เสวี่ยไป ลู่จิ้งเสียนซึ่งยืนอยู่ในไกลๆ โบกผ้าเช็ดหน้า แล้วพูดเสียงเย็น “พวกเราไปดูกันหน่อย”

กระแอมในลำคอ แสร้งทำเป็นว่าเจอกันโดยบังเอิญ

“ไห่ถัง เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่”

เมื่อเห็นลู่จิ้งเสียน เย่ไห่ถังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางโค้งคำนับลู่จิ้งเสียน “ไห่ถังน้อมคำนับพี่สะใภ้เสียนเฟย”

ลู่จิ้งเสียนยื่นมือออกไปพยุงนางลุกขึ้น พูดด้วยความจอมปลอมว่า “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจไปไย”

หลังจากพูดจบก็เหลือบไปเห็นชาดทาปากบนมือของนาง ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่ฮ่องเต้ขายให้ตัวเองทุกประการ

“นี่คือ...”

เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาให้กับขันทีตัวน้อย เย่ไห่ถังยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เสด็จพี่มอบให้ข้าน่ะ”

ลู่จิ้งเสียนร้องอ๋อออกมาคำหนึ่ง และพูดด้วยรอยยิ้มทว่าแววตาไม่ยิ้ม “เดิมทีข้าคิดว่าขันทีน้อยเมื่อครู่มอบให้เจ้าเสียอีก ของสิ่งนี้ไม่ค่อยได้พบบ่อยนักมิใช่หรือ”

“คงเป็นเครื่องบรรณาการจากต่างแคว้นกระมัง”

หลังจากที่เย่ไห่ถังพูดจบ นางก็ยอบกายกล่าวลาลู่จิ้งเสียน

“ข้าต้องไปเข้าเฝ้าไทเฮา ไม่อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่สะใภ้เสียนเฟยแล้ว อวิ๋นเฟิง ไปกันเถอะ”

“เพคะ องค์หญิง”

อวิ๋นเฟิงประคองมือเย่ไห่ถัง แล้วคนกลุ่มนี้ก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ลู่จิ้งเสียนมองตามหลังเย่ไห่ถัง แค่นเสียงเย็นชา “ข้าเห็นอยู่ชัดๆ ว่าขันทีน้อยมอบสิ่งนั้นให้กับนาง เย่ไห่ถังยังให้เงินเขาเป็นรางวัลด้วย ต้องเป็นฝ่าบาทที่ประทานชาดทาปากให้ขันทีน้อยนั่นแน่ๆ”

สาวใช้ชุ่ยจู๋ก็กล่าวอย่างเห็นพ้องต้องกันว่า “หม่อมฉันก็เห็นเพคะ แต่เหตุใดฝ่าบาทจึงประทานชาดทาปากให้ขันทีน้อยล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของลู่จิ้งเสียนก็เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ

หรือสาเหตุที่ฝ่าบาทไม่โปรดปรานวังหลัง เพราะทรงเป็นต้วนซิ่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์