“คุณชาย ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
จังอวี้จิ่นเก็บชามด้วยความลนลาน มีสีแดงระเรื่อตั้งแต่ใบหน้าไปถึงต้นคอ
อาซือหลานเหลือบมองนางและถามว่า “ที่นี่คือที่ใดกัน?”
“ที่นี่คือหมู่บ้านประมงเล็กๆ คุณชายถูกท่านพ่อของข้าและชาวประมงช่วยขึ้นมาเจ้าค่ะ”
จังอวี้จิ่นไม่เงยหน้าขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเบา
“อ๋อ หมู่บ้านของพวกเจ้ามีกันกี่คน?”
น้ำเสียงของอาซือหลานเชื่องช้าและอ่อนโยน ฟังดูประดุจอาบน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
จังอวี้จิ่นพูดว่า “ไม่มากเจ้าค่ะ มีเพียงสิบกว่าครัวเรือน”
อาซือหลานพยักหน้า
“ดีมาก”
จังอวี้จิ่นเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ
อาซือหลานส่งยิ้มให้กับนาง
“แม่นาง ช่วยหาเสื้อผ้าให้ข้าจะได้หรือไม่?”
จังอวี้จิ่นนึกได้ว่าตอนนี้อาซือหลานกำลังเปลือยกายอยู่ จึงรีบพยักหน้า
“คุณชายรอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอาชุดของท่านพ่อมาให้”
จังอวี้จิ่นเดินมาที่บ้านหลังน้อย ค้นหาชุดเสื้อผ้าง่ายๆ เพื่อนำไปให้อาซือหลาน
“ขอบใจมากนะ”
อาซือหลานรับเสื้อผ้ามา และยิ้มอย่างอบอุ่น
เขามีรูปร่างหน้าตาสง่างาม ยิ้มขึ้นมาก็ยิ่งน่ามองดู จังอวี้จิ่นไม่เคยพบเจอผู้ชายที่หน้าตาดีเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าเล็กๆ จึงแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณชายใส่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปต้มโจ๊กมาให้คุณชาย”
จังอวี้จิ่นเดินออกจากบ้าน รีบไปจุดไฟทำอาหาร
อาซือหลานเหลือบมองเสื้อผ้า แม้ว่าจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ซักล้างได้อย่างสะอาดหมดจด และยังมีกลิ่นหอมของแสงแดด พอฝืนใส่ได้อยู่บ้าง
เมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกมาด้านนอก
ร่างที่สูงใหญ่สวมชุดของคนชรายิ่งดูสั้นและบางอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับยังคงไม่ลดความสง่างามบนใบหน้าลง
จังอวี้จิ่นตักข้าวสารหนึ่งถ้วยออกมาจากไห ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นอาซือหลานยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงส่งเสียงร้องตกใจเล็กๆ
อาซือหลานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก “แม่นางอย่ากลัวเลย ข้าไม่ใช่คนเลว”
เขาเดินมาในลานบ้านและสอดสายตามองไปรอบๆ พบว่าหมู่บ้านประมงแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงสิบกว่าหลังคาเรือนให้เห็นอยู่หร็อมแหร็ม ช่างไม่เลวจริงๆ
จึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เย่จั้นคงไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดมาได้ หากไม่ใช่เพราะในร่างกายมีกู่ชีวิตแม่อยู่ เขาก็คงไม่กล้ากระโดดลงน้ำเพื่อปลิดชีพ
ตอนนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้ว คนที่ตามมาดูเขาก็คงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
จังอวี้จิ่นได้นำข้าวสารใส่ไปในหม้อ เมื่อเห็นอาซือหลานมองไปทั่วสารทิศ จึงออกมาถามว่า “คุณชายเพิ่งฟื้น ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่ เข้าไปพักผ่อนในบ้านจะดีกว่านะเจ้าคะ”
อาซือหลานหันหน้ามามอง และพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่ทราบว่าท่านพ่อของเจ้าและชาวประมงคนอื่นๆ จะกลับมาเมื่อใดกัน ข้าอยากแสดงความขอบคุณต่อหน้าพวกเขา”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้านั้น จังอวี้จิ่นก็เวียนหัวเล็กน้อย จึงรีบก้มศีรษะลงอีกครั้ง
“พวกเขาจะกลับมาหลังจากพระอาทิตย์ตกดินเจ้าค่ะ”
จังอวี้จิ่นเหลือบมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า พูดขึ้นด้วยความเหนียมอาย “ใกล้กลับแล้วเจ้าค่ะ ด้านนอกมีลมพัดแรง คุณชายเข้าไปพักผ่อนในบ้านดีกว่าเจ้าค่ะ”
อาซือหลานนั่งลงบนก้อนหิน ยิ้มจางๆ และพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าคงนอนมาหลายวันแล้ว ออกมาตากลมบ้างกลับยิ่งทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นมากขึ้น”
จังอวี้จิ่นกำชอายผ้าพร้อมพยักหน้ารับ มองไปที่พื้นแล้วพูดว่า “คุณชายหลับไปหลายวันจริงๆ เจ้าค่ะ โชคดีที่เทวดาคุ้มครอง ท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว ในหมูบ้านนี้ไม่มีหมอจีน พวกเราก็ไม่มีปัญญาเชิญหมอมาดูอาการของท่าน ช่างน่าละอายต่อคุณชายเสียจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...