อินชิงเสวียนขยิบตากับเสี่ยวอานจื่อ จากนั้นก็ติดตามทั้งสองคนไป
เสี่ยวอานจื่อลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งไปที่ห้องหนังสือ
ลู่จิ้งเสียนปรายตามองข้างๆ เมื่อนางเห็นอินชิงเสวียนติดตามมา รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนริมฝีปากของนาง
เมื่อใดที่เข้าไปในวังจิ้งอานของตนเอง ยังตามใจผู้อื่นได้อีกงั้นหรือ
ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ไทเฮาทรงอนุญาตด้วยองค์เอง
เมื่อนึกได้ว่าขันทีน้อยผู้นี้ถือชาดทาปากที่ฝ่าบาทขายให้ตนเอง โทสะในอกพลันลุกโชนอีกครา
บ่าวชั้นต่ำ จะได้รับของที่ฝ่าบาทประทานให้ได้อย่างไร
บางทีเขาอาจจะขโมยไป
ยิ่งลู่จิ้งเสียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น และอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าของนาง
ทางด้านอินชิงเสวียนก็กลอกตาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ที่ลู่จิ้งเสียนต้องการตัวเองไปนั้น คิดว่านางคงมีเจตนาไม่ดี ต้องเป็นเพราะถูกเย่จิ่งอวี้คุมขังอยู่หลายวัน จึงรู้สึกอยากแก้แค้น
แต่นางก็ไม่กลัวมากนัก ถ้านางกล้าทำอะไรตัวเอง นางก็จะเข้าไปซ่อนในมิติ นางจจะยังสามารถตามเข้าไปจับตัวเองไดในมิติกระนั้นหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็สงบลงทันที
ชุ่ยจู๋เหลือบมองข้างๆ ในใจเกิดคงามรู้สึกอิจฉาริษยา
บ่าวชาติสุนัขผู้หนึ่งกลับมีใบหน้าที่งดงามถึงเพียงนี้ หากถลกหนังหน้ายนี้ออกมาได้ คงจะมีความสุขไม่น้อย
สองนายบ่าวคู่นั้นในจิตใจเต็มไปด้วยความคิดสกปรก กระทั่งกลับมาถึงวังจิ้งอาน
ทันทีที่เข้าไปในตำหนัก ลู่จิ้งเสียนก็ชักสีหน้า พูดอย่างชั่วร้าย “เจ้าบ่าวชาติสุนัข คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”
อินชิงเสวียนเลิกคิ้วขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงสงบ “เพราะเหตุใด ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิด”
ชุ่ยจู๋ดุด่าทันที “บ่าวชาติสุนัขช่างบังอาจนัก เจ้ากล้าดีอย่างไรไม่ใช้คำแทนตนว่ากระหม่อม”
ลู่จิ้งเสียนโบกมือ ชุ่ยจู๋ก็ก้าวออกไปทันที พูดด้วยรอยยิ้มเยาะ “ข้าบอกว่าเจ้าผิด เจ้าก็ผิด เจ้ากล้าไม่ฟังข้าหรือ”
อินชิงเสวียนอาศัยที่ตนเองมีมิติ จึงไม่ยอมลงให้นางอีกต่อไป
เชิดนางขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าไม่ผิด เหตุใดข้าต้องฟังด้วย”
ลู่จิ้งเสียนหัวเราะด้วยความโกรธ เขม็งมองอินชิงเสวียนด้วยดวงตาดั่งอสรพิษ
“ดี ช่างเป็นบ่าวที่ดีจริงๆ ถ้าเช่นนั้นบอกข้าหน่อยสิ เหตุใดฝ่าบาทถึงให้ชาดทาปากกับเจ้า หรือว่าเจ้าถือตนว่ามีใบหน้างดงามเข้าหน่อย จึงอยากเลียนแบบพระสนม ปีนขึ้นไปบนเตียงมังกรงั้นรึ”
อินชิงเสวียนสะดุ้งเล็กน้อย นางจะรู้ได้อย่างไร
หรือตอนที่ตัวกำลังเอาลิปสติกให้องค์หญิง นางบังเอิญมาพบเข้า
ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าเหตุใดลู่จิ้งเสียนถูกลงโทษแล้วยังไม่รู้จักจำ ที่แท้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่จิ่งอวี้ผิดไป
“พระสนมในฐานะนายของวังหลัง กลับกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกมา หรือว่าฝ่าบาทในสายตาของพระสนม เป็นคนมั่วโลกีย์เช่นนี้”
ลู่จิ้งเสียนสะอึก จากนั้นก็โกรธและตบอินชิงเสวียนหนึ่งฉาด
อินชิงเสวียนยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ จับข้อมือของนาง แล้วผลักลู่จิ้งเสียนถอยหลังไปหลายก้าว
นับตั้งแต่ผ่านน้ำพุวิญญาณ เรี่ยวแรงของนางก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก การจัดการกับคนอ่อนแออย่างลู่จิ้งเสียนไม่ใช่ปัญหาเลย
ลู่จิ้งเสียนเกือบจะล้มลง ใบหน้าเขียวคล้ำทันที
“ต่อต้าน ต่อต้านแล้ว จับตัวบ่าวชาติสุนัขผู้นี้ไว้”
ขันทีรีบวิ่งเข้ามาทันที แล้วกดอินชิงเสวียนลงไปที่พื้น
อินชิงเสวียนยิ้มเยาะ รีบเปิดมิติทันที อย่างไรก็ตาม ต่อมานางก็ยิ้มไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...