สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 42

อินชิงเสวียนขยิบตากับเสี่ยวอานจื่อ จากนั้นก็ติดตามทั้งสองคนไป

เสี่ยวอานจื่อลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งไปที่ห้องหนังสือ

ลู่จิ้งเสียนปรายตามองข้างๆ เมื่อนางเห็นอินชิงเสวียนติดตามมา รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนริมฝีปากของนาง

เมื่อใดที่เข้าไปในวังจิ้งอานของตนเอง ยังตามใจผู้อื่นได้อีกงั้นหรือ

ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ไทเฮาทรงอนุญาตด้วยองค์เอง

เมื่อนึกได้ว่าขันทีน้อยผู้นี้ถือชาดทาปากที่ฝ่าบาทขายให้ตนเอง โทสะในอกพลันลุกโชนอีกครา

บ่าวชั้นต่ำ จะได้รับของที่ฝ่าบาทประทานให้ได้อย่างไร

บางทีเขาอาจจะขโมยไป

ยิ่งลู่จิ้งเสียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น และอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าของนาง

ทางด้านอินชิงเสวียนก็กลอกตาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

ที่ลู่จิ้งเสียนต้องการตัวเองไปนั้น คิดว่านางคงมีเจตนาไม่ดี ต้องเป็นเพราะถูกเย่จิ่งอวี้คุมขังอยู่หลายวัน จึงรู้สึกอยากแก้แค้น

แต่นางก็ไม่กลัวมากนัก ถ้านางกล้าทำอะไรตัวเอง นางก็จะเข้าไปซ่อนในมิติ นางจจะยังสามารถตามเข้าไปจับตัวเองไดในมิติกระนั้นหรือ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็สงบลงทันที

ชุ่ยจู๋เหลือบมองข้างๆ ในใจเกิดคงามรู้สึกอิจฉาริษยา

บ่าวชาติสุนัขผู้หนึ่งกลับมีใบหน้าที่งดงามถึงเพียงนี้ หากถลกหนังหน้ายนี้ออกมาได้ คงจะมีความสุขไม่น้อย

สองนายบ่าวคู่นั้นในจิตใจเต็มไปด้วยความคิดสกปรก กระทั่งกลับมาถึงวังจิ้งอาน

ทันทีที่เข้าไปในตำหนัก ลู่จิ้งเสียนก็ชักสีหน้า พูดอย่างชั่วร้าย “เจ้าบ่าวชาติสุนัข คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”

อินชิงเสวียนเลิกคิ้วขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงสงบ “เพราะเหตุใด ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิด”

ชุ่ยจู๋ดุด่าทันที “บ่าวชาติสุนัขช่างบังอาจนัก เจ้ากล้าดีอย่างไรไม่ใช้คำแทนตนว่ากระหม่อม”

ลู่จิ้งเสียนโบกมือ ชุ่ยจู๋ก็ก้าวออกไปทันที พูดด้วยรอยยิ้มเยาะ “ข้าบอกว่าเจ้าผิด เจ้าก็ผิด เจ้ากล้าไม่ฟังข้าหรือ”

อินชิงเสวียนอาศัยที่ตนเองมีมิติ จึงไม่ยอมลงให้นางอีกต่อไป

เชิดนางขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าไม่ผิด เหตุใดข้าต้องฟังด้วย”

ลู่จิ้งเสียนหัวเราะด้วยความโกรธ เขม็งมองอินชิงเสวียนด้วยดวงตาดั่งอสรพิษ

“ดี ช่างเป็นบ่าวที่ดีจริงๆ ถ้าเช่นนั้นบอกข้าหน่อยสิ เหตุใดฝ่าบาทถึงให้ชาดทาปากกับเจ้า หรือว่าเจ้าถือตนว่ามีใบหน้างดงามเข้าหน่อย จึงอยากเลียนแบบพระสนม ปีนขึ้นไปบนเตียงมังกรงั้นรึ”

อินชิงเสวียนสะดุ้งเล็กน้อย นางจะรู้ได้อย่างไร

หรือตอนที่ตัวกำลังเอาลิปสติกให้องค์หญิง นางบังเอิญมาพบเข้า

ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าเหตุใดลู่จิ้งเสียนถูกลงโทษแล้วยังไม่รู้จักจำ ที่แท้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่จิ่งอวี้ผิดไป

“พระสนมในฐานะนายของวังหลัง กลับกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกมา หรือว่าฝ่าบาทในสายตาของพระสนม เป็นคนมั่วโลกีย์เช่นนี้”

ลู่จิ้งเสียนสะอึก จากนั้นก็โกรธและตบอินชิงเสวียนหนึ่งฉาด

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ จับข้อมือของนาง แล้วผลักลู่จิ้งเสียนถอยหลังไปหลายก้าว

นับตั้งแต่ผ่านน้ำพุวิญญาณ เรี่ยวแรงของนางก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก การจัดการกับคนอ่อนแออย่างลู่จิ้งเสียนไม่ใช่ปัญหาเลย

ลู่จิ้งเสียนเกือบจะล้มลง ใบหน้าเขียวคล้ำทันที

“ต่อต้าน ต่อต้านแล้ว จับตัวบ่าวชาติสุนัขผู้นี้ไว้”

ขันทีรีบวิ่งเข้ามาทันที แล้วกดอินชิงเสวียนลงไปที่พื้น

อินชิงเสวียนยิ้มเยาะ รีบเปิดมิติทันที อย่างไรก็ตาม ต่อมานางก็ยิ้มไม่ออก

คำเตือนมิติ ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามา

ใบหน้าของอินชิงเสวียนซีดลงทันที

เมื่อมีคนจับตัวนางไว้ มิติจะคิดโดยปริยายว่านางต้องการนำผู้อื่นเข้ามา

ให้ตายเถอะ นี่บั๊กอะไรกัน สามารถทำให้นางตายได้เลยนะ

ลู่จิ้งเสียนเหนี่ยวตัวชุ่ยจู๋ลุกขึ้นยืน นางกัดฟันแล้วพูดว่า “บ่าวชาติสุนัข ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะอาละวาดได้สักเท่าใด ชุ่ยจู๋ ตบปาก้าสิบที”

ชุ่ยจู๋หัวเราะอย่างดุร้าย พับแขนเสื้อขึ้น กำลังจะลงมือก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นประตู

“ช้าก่อน”

ร่างสูงร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากประตู

ชายผู้นี้สวมชุดคลุมมังกร คาดเอวด้วยหยก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาคมคายราวกับมีดขวาน อันมีขอบและมุมที่แหลมคม ดวงตาหงส์ที่หรี่เล็กน้อยนั้นเต็มไปด้วยโทสะ

เขาเตะขันทีที่จับตัวอินชิงเสวียนออกไป กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “บังอาจ แม้แต่คนของเราพวกเจ้าก็กล้าแตะต้อง เด็กๆ มัดขันทีเหล่านี้กับนางกำนัลชั่วร้ายผู้นี้ โบยสามสิบไม้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกใจกลัวและคุกเข่าลงกับพื้น

“ฝ่าบาทไว้ชีวิต ฝ่าบาทไว้ชีวิต”

ทว่าเสี่ยวอานจื่อและผู้อื่นเดินมาแล้ว เขาเอื้อมมือออกไปคว้าตัวชุ่ยจู๋ ผลักนางลงไปที่พื้น หยิบไม้ขึ้นมาแล้วเริ่มโบยนาง

หญิงเลวผู้นี้เพิ่งทุบตีตัวเองอย่างเมามัน คราวนี้ให้นางลิ้มลองรสชาติของการถูกโบยบ้าง

ในขณะที่โบย เขาก็ขยิบตาให้อินชิงเสวียนด้วย

ชุ่ยจู๋ถูกโบยจนร้องไห้เรียกหาบิดามารดา ตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย พระสนมโปรดช่วยหม่อมฉันด้วย”

ชุ่ยจู๋เป็นสาวใช้แต่งเข้าบ้านตามภรรยาของลู่จิ้งเสียน ลู่จิ้งเสียนก็ปวดใจเช่นกัน รีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว

“ฝ่าบาทโปรดเมตตา ขันทีน้อยผู้นี้ล่วงเกินหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันถึงได้ลงโทษเขา”

เย่จิ่งอวี้ตวัดตามองกวาดไปทั่วร่างของอินชิงเสวียน รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางไม่มีสิ่งใดขาดหายไป

“เราเรียกตัวเขาไปถาม แต่เจ้ากลับพาเขามาถึงวังจิ้งอาน ยังกล้าบอกว่าเขาล่วงเกินเจ้า ลู่จิ้งเสียนยังต้องการคัดลอกพระคัมภีร์อยู่หรือไม่”

ลู่จิ้งเสียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อนางนึกขึ้นได้ว่ากระดูกของอินชิงเสวียนถูกเก็บไว้ในหอสวดมนต์ นางไม่ต้องการไปที่หอสวดมนต์อีกแล้ว

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ จริงๆ แล้วหม่อมฉันชอบขันทีน้อยผู้นี้มาก จึงไปเข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อขอร้อง เดิมทีคิดว่าจะให้รับใช้ในตำหนักดีๆ ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะกล่าววาจาล่วงเกินหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกโกนธชั่วขณะ จึงได้ลงมือกับเขา หม่อมฉันช่างน่าน้อยใจเหลือเกิน”

หลังจากที่ลู่จิ้งเสียนพูดจบ นางก็เอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากและเริ่มร้องไห้

เมื่อเห็นว่าลู่จิ้งเสียนไม่ได้หลั่งน้ำตาน้องจากส่งเสียงร้อง อินชิงเสวียนก็กระตุกมุมปาก แล้วพูดด้วยความเลื่อมใสศรัทธามาก

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยล่วงเกินพระสนมเลย เป็นเพราะพระสนมเห็นกระหม่อมถือชาดทาปาก จึงเข้าใจผิดว่ากระหม่อมกับฝ่าบาทมีความสัมพันธ์ที่สกปรก ถึงกับบอกว่ากระหม่อมต้องการปีนขึ้นเตียงมังกรของฝ่าบาท”

ลู่จิ้งเสียนสะดุ้ง ใบหน้าของนางซีดเซียวจนไร้สีเลือด

พูดอย่างลนลาน “หม่อมฉันไม่ได้พูด บ่าวชาติสุนัขใส่ร้ายหม่อมฉัน”

แววตาของเย่จิ่งอวี้เย็นชา ชี้นิ้วเรียวไปที่ปลายจมูกของลู่จิ้งเสียนแล้วพูดว่า “เจ้าในฐานะนางสนมเพียงผู้เดียวในวังหลัง ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้วังหลังปรองดอง แต่กลับสร้างข่าวลือที่ไร้สาระเช่นนี้ให้กับเรา สมควรตายนัก”

“หม่อมฉันไม่ได้พูด หม่อมฉันถูกใส่ร้าย ฝ่าบาทต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ”

ลู่จิ้งเสียนหลั่งน้ำตา คราวนี้นางกลัวมากจริงๆ

เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไรในวังหลัง เจ้าไปหาเรื่องที่หอฉงฮวาเราก็ปล่อยเลยตามเลย นับว่าใว้หน้าเจ้ามากแล้ว แต่เจ้าไม่เพียงไม่รู้สึกซาบซึ่ง แต่กลับทำตัวเลวร้ายลง นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าถูกลดตำแหน่งเป็นเสียนผิน ถ้าขืนกล้าก่อปัญหาอีก เราจะให้เจ้าไปอยู่วังเย็นกับคนแซ่อิน”

หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็สะบัดเสื้อคลุมจากไป

เสี่ยวอานจื่อรีบดึงอินชิงเสวียนแล้วกระซิบว่า “ยังไม่รีบตามมาอีก”

ขาทั้งคู่ของลู่จิ้งเสียนอ่อนแรง นางนั่งแหมะลงบนพื้น

หลังจากผ่านไปนานหลายอึดใจ ถึงได้ลุกขึ้นราวกับตื่นจากความฝัน

“เร็ว ตามข้าไปหาไทเฮา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์