อินชิงเสวียนติดตามเย่จิ่งอวี้ออกจากตำหนัก โดยก้มหน้าก้มตามองดูนิ้วเท้าของตัวเองไปตลอดทาง
แต่ในใจกลับคิดว่าฮ่องเต้นั้นไร้หัวใจจริงๆ
หากสตรีที่อยู่ในวังหลังไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ไม่ว่าตำแหน่งจะสูงเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อใดที่เขาไม่ถูกใจ ทุกสิ่งก็จะสูญหาย
โชคดีที่นางไม่ได้เลือกที่จะต่อสู้ในวังอย่างโง่เขลา ซึ่งการทำเช่นนั้นรัแต่จะเหนื่อยและเปลืองสมอง
เมื่อเห็นเสียนเฟยถูกลดตำแหน่งอยู่ในขั้นผิน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะปรารถนาชีวิตนอกวังหลวงมากยิ่งขึ้น
อาศัยที่มีผลไม้และธัญพืชอยู่ในมิติของนาง เรื่องการหาเงินก็ไม่ใช่ปัญหา ถือโอกาสขายเครื่องประทินโฉมไปด้วย ขณะเดียวกันก็ทำไร่ทำนา อินชิงเสวียนทำราวกับเห็นชีวิตของตัวเองมีบ่าวไพร่ตามเป็นโขยง มีเงินทองให้ใช้สอยไม่ขาดมือ
ตลอดทางก็ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่พอรู้ตัวอีกที ก็เดินมาถึงห้องหนังสือแล้ว
เย่จิ่งอวี้เดินก้าวอาดๆ เข้าไปในห้อง ใบหน้าหล่อเหลาของเขามืดมน
อินชิงเสวียนเดินตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ข้างนอกร้อนมาก ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ข้างถังน้ำแข็ง
หลี่เต๋อฝูที่ค้อมตัวมาถึงโต๊ะ เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท เลยยามบ่ายแล้ว จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว พระองค์ควรเสวยได้แล้ว”
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “เราไม่หิว เอาออกไปเถอะ”
อินชิงเสวียนเอียงศีรษะมอง แล้วก็เห็นจริงๆ ว่ามีจานเครื่องเคียงสี่จานอยู่บนโต๊ะและไม่มีผู้ใดแตะต้องเลย
หลี่เต๋อฝูไม่มีทางเลือกนอกจากโบกมือให้คนเก็บจานอาหารออกไป
แล้วเย่จิ่งอวี้ก็หันความสนใจไปที่อินชิงเสวียน
“ได้ยินจากเสี่ยวอานจื่อบอกว่าเมล็ดพันธุ์งอกแล้ว ไม่ทราบว่าจะอยู่รอดมากเพียงใด”
อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เกินแปดในสิบส่วนพ่ะย่ะค่ะ น้ำและดินไม่มีปัญหา”
ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้อ่อนลงเล็กน้อย เลิกดวงตาหงส์แล้วถามว่า “ในมือเจ้ายังมีเมล็ดพืชอีกเท่าใด”
อินชิงเสวียนลอบเหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “เอ่อ...ยังมีอีกบ้าง”
เย่จิ่งอวี้มองดูนางแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าเจ้าจะยินดีจะมอบเมล็ดพืชนี้หรือไม่”
อินชิงเสวียนกลอกตา แล้วพูดว่า “กระหม่อมยินดีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะอนุญาตให้กระหม่อมออกจากวังไปพบครอบครัวได้หรือไม่”
ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้มืดลงทันที
“ไม่อนุญาต แต่...เรายินดีที่จะทำการค้ากับเจ้า”
อินชิงเสวียนรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่เห็นดีด้วยที่นางจะออกจากวัง ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกผิดหวังมากนัก
“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทำการค้าใด”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสงบ “เรายินดีจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ของเจ้า เมล็ดพันธุ์หนึ่งชั่ง เราจะให้เงินเจ้าห้าร้อยตำลึง”
อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากอย่างแรง เพราะกลัวว่าตัวเองจะหัวเราะออกมาดังๆ
เมล็ดพันธุ์หนึ่งถุงก็หนักหนึ่งชั่งแล้ว ใช้คะแนนเพียงหนึ่งคะแนนเท่านั้น การค้านี้กำไรจริงๆ
แต่กลับถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทต้องการซื้อกับกระหม่อมจริงๆ หรือ”
เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นสมบัติของบ้านเจ้า แน่นอนว่าเราจะเอาเปรียบเจ้าไม่ได้”
อินชิงเสวียนคุกเข่าลงบนพื้นทันที พูดด้วยท่าทางชื่นชมเหลือประมาณ “ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาเช่นนี้ กระหม่อมชื่นชมจริงๆ ความชื่นชมของกระหม่อมที่มีต่อฝ่าบาทนั้นเหมือนกับ1แม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับทะเลที่ท่วมท้นจนควบคุมไม่ได้”
เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ รู้สึกมีความสุขทันที
“เจ้าบ่าวตัวน้อยเห็นเงินก็ทำตาลุกวาว ลุกขึ้นเถิด ต่อไปอย่าไปที่ใดอีก จะได้ไม่ถูกคนจับตัวไป”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
อินชิงเสวียนลุกขึ้น แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ตอนนี้เย่จิ่งอวี้ต้องการทำการค้ากับนาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าในภายหน้าเขาจะลงโทษตัวเองหรือไม่ ผู้ใดต่างก็บอกว่าอยู่ใกล้ราชาก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ ความคิดของฮ่องเต้นั้นยากต่อการคาดเดามากกว่าความคิดของสตรี
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน อินชิงเสวียนยังคงรู้สึกว่าการค้านี้ยังทำไม่ได้
จึงกล่าวขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาทซื้อเมล็ดพันธุ์ไว้เพื่อประโยชน์ของราษฎร ถ้ากระหม่อมขายให้ฝ่าบาทจริงๆ มิเท่ากับสร้างหาประโยชน์จากความแร้นแค้นของบ้านเมืองหรอกหรือ แม้กระหม่อมจะไม่ได้เล่าเรียนหลายปี แต่การทิ้งชื่อเสียงอันเหม็นฉาวไปชั่วลูกชั่วหลานนั้นทำไม่ได้ ดังนั้นกระหม่อมจึงจึงตัดสินใจอุทิศเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดเหล่านี้ให้กับฝ่าบาท”
“โอ้”
เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มในดวงตาของเขาเริ่มเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...