สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 449

เช้าวันต่อมา

เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็จากไปแล้ว

เมื่อมองดูผ้าห่มที่พันรอบตัวนางอย่างแน่นหนา อินชิงเสวียนก็พูดไม่ออก เมื่อคืนนี้ตัวเองคงแย่งผ้าห่มจากเขาอีกแล้วสินะ

ตอนนี้ก็เกือบเดือนสิบแล้ว แม้กลางวันจะร้อน แต่กลางคืนกลับเย็น ถึงไม่ได้ห่มผ้าก็ยังรู้สึกหนาว

เย่‍จิ่ง‍อวี้จะนอนเตียงเดียวกับนาง ต้องลำบากเขาแล้ว

อินชิงเสวียนก็อยากเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเช่นกัน แต่พอนอนหลับแล้ว นางจะคุมตัวเองได้อย่างไร นางก็จนปัญญาจริงๆ

หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็แลกผ้านวมผ้าไหมคู่ขนาดใหญ่จากมิติ ทั้งยังให้นางกำนัลทำปลอกผ้านวม เพื่อป้องกันไม่ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกดึงผ้าห่มออกในเวลากลางคืน

เมื่อก่อนเคยลังเลที่จะใช้คะแนน เพราะอยากเก็บให้ถึงถึง 100,000 คะแนนเพื่อซื้อปืนพกมาเก็บไว้ ตอนนี้ทั้งแลกเนื้อวัว สุรา กล้องส่องทางไกล และสิ่งของอื่นๆ ทั้งยังใช้แลกของเล็กๆ น้อยๆ ไว้มากอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าจะทำย่างไรคะแนนก็ไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงทุบหม้อหม้อมข้าวโยนทิ้งทั้งอย่างนั้น

สิ่งเดียวที่เสียดายคือ พอได้พิณการเวกมาอยู่ในมือแล้ว แต่กลับไม่มีปัญญาบรรเลงให้เป็นบทเพลง ซึ่งคะแนนที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ เป็นเพราะการดีดพิณการเวกได้

แล้วก็มาตรึกตรองดูอีกที ตัวเองเรียนพิณกับลิ่นเซียวไปหลายวัน มิติก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางทีต้นพืชก็อาจมีรสนิยมเช่นกัน หากเจ้าอยากได้คะแนนเพิ่ม คงต้องหาวิธีอื่นแล้ว

อินชิงเสวียนนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงเป็นนานสองนาน แต่ไม่สามารถหาเบาะแสได้ ดังนั้นนางจึงยอมแพ้เสียดื้อๆ

หลังจากลุกขึ้นอาบน้ำและรับประทานอาหารแล้ว ก็พาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงออกไปเดินเล่น

ตอนนี้เด็กโตขึ้นมาก ชอบไปเดินเตร็ดเตร่ยิ่งนัก เผลอแผล็บเดียวก็ไม่อยากอยู่ในตำหนักอีกแล้ว ตอนนี้อินชิงเสวียนก็ไม่มีอะไรทำ จึงพาเจ้าเด็กอ้วยออกไปเดินเล่น

บังเอิญเดินผ่านที่พำนักของเย่ไห่ถัง จึงเดินเข้าไปดู

ในลานกว้างมีศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่ ศาลาไม่สูง มองจากไกลๆ เหมือนจะเห็นภาพวาดภาพหนึ่งอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น อินชิงเสวียนรู้สึกสนใจใคร่รู้ จึงเข็นรถเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเข้าไป

นี่เป็นภาพวาดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บุรุษที่อยู่ในภาพดูคล้ายอินปู้อวี่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งคิ้วคางหน้าตาล้วนคล้ายกับอินปู้อวี่มาก

อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมเย่ไห่ถังถึงวาดภาพอินปู้อวี่ หรือว่าองค์หญิงตกหลุมรักพี่รองของนาง?

ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเย่ไห่ถังตั้งใจไปที่ตำหนักจินหวูในวันนั้น เลียบๆ เคียงๆ ถามถึงการเดินทางของสองพ่อลูกตระกูลอิน หรือว่าต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับอินปู้อวี่จริงๆ

เพียงแต่ความรักนี้มาเร็วเกินไปหน่อย ทั้งสองก็ได้พบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อพิจารณาว่าองค์หญิงอาศัยอยู่ในวังมาเป็นเวลานาน นางไม่เคยเห็นผู้ชายคนอื่นเลยนอกจากเย่‍จิ่ง‍อวี้ และอินปู้อวี้ก็รูปงามหล่อเหลา นางจะชอบเขา ก็เข้าใจได้

หากทั้งสองคนสมหวัง ก็จะเป็นงานแต่งงานที่น่ายินดี

เย่ไห่ถังเป็นคนไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา ไม่มีกลอุบายนอกใน ซึ่งอินชิงเสวียนก็ชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของนางมาก

เพียงแต่...

ตอนนี้นางเป็นกุ้ยเฟยแล้ว ถ้าอินปู้อวี่แต่งงานกับองค์หญิงอีกคน จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ขุนนางหรือไม่

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนว่า “เสด็จพี่สะใภ้ ท่านมาแล้ว”

เย่ไห่ถังหอบหิ้วกระโปรงวิ่งออกมาจากห้อง เมื่อนางเห็นอินชิงเสวียนกำลังดูภาพวาด นางก็รีบคว้าไป แก้มแดงระเรื่อ

“ทำไม...ทำไมเสด็จพี่สะใภ้ถึงมาที่นี่ได้”

เมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่แก้มแดงปลั่ง อินชิงเสวียนก็เข้าใจความคิดของนาง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าพาจ้าวเอ๋อร์ออกมาเดินเล่น เดินผ่านที่นี่จึงมาเยี่ยมเจ้าหน่อย”

เย่ไห่ถังไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “เสด็จพี่สะใภ้เข้ามาพูดคุยในตำหนักเร็ว ข้าว่างไม่มีอะไรทำจึงวาดภาพเล่น ภาพวาดก็ดูไม่เหมือนเลย ช่างเป็นการหยามหยันผู้เชี่ยวชาญจริงๆ”

ยิ่งเย่ไห่ถังพูด ใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงขึ้น ในตำหนักของนางมีคนไปมาหาสู่ไม่มากนัก นางจึงกล้าวาดภาพอย่างเปิดเผย ผู้ใดจะคิดว่าอินชิงเสวียนจะมาเยือน จู่ๆ นางก็รู้สึกผิดเหมือนตัวเองเป็นหัวขโมย

อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พูดว่า “ดูไม่เหมือนจริงๆ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคนในภาพนี้ดูเหมือนพี่รองของข้าเลยล่ะ!”

เย่ไห่ถังกระวนกระวายใจจนกระทืบเท้าเบาๆ

“เสด็จพี่สะใภ้โปรดอย่าพูดส่งเดช ข้าจะวาดแม่ทัพน้อยอินได้อย่างไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์