เมื่ออินชิงเสวียนกลับไปที่ตำหนักจินหวู ก็เกือบจะมืดแล้ว
เสี่ยวหนานเฟิงที่ไปเที่ยวเล่นมาเกือบทั้งวันก็ดูท่าทางจะเหนื่อยเล็กน้อย เขาดื่มนมชงไปครึ่งขวดแล้วหลับไปทั้งๆ ที่กัดกำปั้นน้อยอยู่
ยายหลี่อุ้มเด็กไปนอนที่ห้องโถงด้านข้าง อินชิงเสวียนรู้สึกว่างหน่อย นางจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเกมพักผ่อนสมองสักพัก
ในขณะกำลังเล่นอย่างสนุกอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “พระสนม ฝ่าบาทกำลังดื่มสุราอยู่กับท่านอ๋องสิบสาม จึงส่งกระหม่อมให้มารายงานที่นี่ว่า หากดึกมากเกินไป พระองค์จะไม่มารบกวนพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนยิ้ม “อืม ข้าทราบแล้ว”
“เช่นนั้นกระหม่อมต้องทูลลา”
หลี่เต๋อฝูโค้งคำนับ และออกจากห้องโถงกลาง
ขณะที่เขาจากไป จู่ๆ อินชิงเสวียนก็เกิดความเหงาในใจ
เมื่อก่อนตอนที่นางยังไม่ชอบเย่จิ่งอวี้ นางเล่นสนุกสนานทุกวัน ตอนนี้นางเริ่มมีความรู้สึกต่อเขาแล้ว ก็รู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้ครอบครอบ พอได้ครอบครองก็กลัวว่าจะสูญเสียเขาไป
ซึ่งความคิดนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจ ถ้าขืนนางยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงเป็นโรคความรักขึ้นสมองกระมัง
นางไม่อยากเป็นแบบนั้น นางต้องหาอะไรทำเพื่อให้ตัวเองมีงานยุ่ง
เมื่อนึกถึงเรียงความแปดขาที่ร่ำเรียนกันในยุคสมัยนี้ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ แต่ก็เกี่ยวข้องน้อยมาก เท่าที่อินชิงเสวียนรู้ หนังสือเรียนคณิตศาสตร์เล่มเดียวในยุคนี้ดูเหมือนจะเป็น “วิชาคำนวณเก้าบท” ซึ่งหนังสือเล่มนี้ แทบไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาฟิสิกส์และเคมีเลย
ตอนนี้ข้ามาถึงยุคสมัยนี้แล้ว นางต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นการเดินทางข้ามมิติก็จะสูญเปล่า
นางได้แลกเปลี่ยนหนังสือเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น รวมถึงหนังสือฟิสิกส์และเคมีจากในมิติ
เนื่องจากผู้คนขาดความรู้ หากต้องการเรียนรู้ ต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ง่ายที่สุดเท่านั้น
หากสามารถผลิตกระดาษได้สำเร็จ ก็สามารถคัดลอกตำราเรียนเหล่านี้ไปแจกจ่ายไปยังหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา การสอบเคอจวี่ในอนาคต ก็สามารถรวมไว้ในข้อสอบได้เช่นกัน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ไม่ว่าในยุคใดก็ตาม ความสำคัญของการศึกษานั้นยิ่งใหญ่ มีเพียงการปรับปรุงความรู้ด้านวัฒนธรรมของผู้คนเท่านั้น ถึงทำให้สามารถบ่มเพาะผู้มที่มีความรู้ความสามารถได้
อินชิงเสวียนปรับแต่งแผนการเรียนง่ายๆ และเข้านอนด้วยสีหน้าพึงพอใจ
นางเป็นคนนอนขี้เซามาแต่ไหนแต่ไร เพียงไม่นานนางก็เคลิ้มหลับไป
ใกล้เที่ยงคืน เย่จิ่งอวี้ที่เมามายก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
แม้ว่าเขาจะดื่มมาก แต่เขาก็ยังคิดถึงอินชิงเสวียนอยู่ในใจ แม้ว่าจะถูกแย่งผ้าห่มตอนนอน เขาก็เต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างนาง
ทุกครั้งที่เขาอยู่ข้างๆ นาง เย่จิ่งอวี้จะรู้สึกถึงความเงียบสงบในใจอย่างอธิบายไม่ได้
ในทุกวันที่เขาพักอยู่ที่ตำหนักจินหวู เขาไม่เคยฝันถึงการตายของเสด็จแม่ หรือไม่มีฝันร้ายใดๆ อีก
เขาเปิดประตู จรดฝีเท้าเข้าไปเบาๆ แต่ก็พบว่าเทียนที่อยู่ข้างในยังไม่ดับ
เย่จิ่งอวี้คิดว่าอินชิงเสวียนกำลังรอเขาอยู่ แต่เมื่อเขาเข้าไปในประตู เขาก็รู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไป สาวน้อยคนนี้กำลังนอนก่ายผ้าห่ม เคลิ้มหลับสนิท
จากนั้นเขาก็พบหนังสือใหม่เอี่ยมหลายสิบเล่มอยู่บนโต๊ะ
พอเปิดออกดู ก็พบว่าข้างในมีข้อความว่า 1+1 หรือ 1+2 เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกริมฝีปาก เสวียนเอ๋อร์อายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมนางถึงยังอ่านหนังสือสำหรับเด็กเช่นนี้อยู่
พอเขาพลิกอ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มหัวเราะไม่ออก โจทย์ที่อยู่ข้างในเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาอ่านไม่เข้าใจ
โดยเฉพาะโจทย์คำถามประยุกต์ เย่จิ่งอวี้อ่านดูด้วยความสับสน พอไปอ่านหนังสือฟิสิกส์และเคมี เขายิ่งไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก
เขาเทน้ำชาให้ตัวเอง แล้วนั่งที่โต๊ะ และเริ่มอ่านทีละหน้า
ชั่วพริบตาก็เป็นยามฟ้าสางแล้ว หลี่เต๋อฝูก็เปิดประตูถือเสื้อคลุมมังกรเดินเข้าท่
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ
“ฝ่าบาท!”
เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น ครั้นจึงตระหนักได้ว่าตัวเองต้องไปประชุมเช้าแล้ว
เมื่อดูกองหนังสือเหล่านั้น เย่จิ่งอวี้ก็ทำใจจากไปไม่ได้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งพบว่าหนังสือเหล่านี้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หนังสือเหล่านี้พูดถึงเสียง แสง พลังงาน และสิ่งที่เรียกว่าไฟฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...