สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 46

ไทเฮาไม่เคยพบกับอินชิงเสวียน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลูกชายของนางกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากฟังคำพูดของลู่จิ้งเสียนแล้ว นางพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ “ฮ่องเต้จะเลินเล่อเช่นนี้ได้อย่างไร แค่ขันทีผู้หนึ่งถึงกับต้องลดตำแหน่งเจ้าด้วย ช่างไร้วุฒิภาวะจริงๆ เย่าเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งกลับมาจากไปเฝ้าสุสานหลวง ก็ควรไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หน่อย พวกเราจะเข้าไปดูกันว่าขันทีเช่นไรถึงทำให้ฮ่องเต้ร้อนใจเพียงนี้”

ลู่จิ้งเสียนพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวทันที

“เสด็จแม่ ท่านให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ”

เย่จิ่งเย่ายื่นมือออกไปพยุงไทเฮา

“ก็ได้ ข้าก็ควรไปดูสักหน่อยเหมือนกัน”

ครั้นแล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็ออกจากตำหนักฉือหนิง มีขันทีนางกำนัลถือพระกลดพู่สีเหลือทองเดินตามหลัง มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสืออย่างสง่างาม

อินชิงเสวียนกำลังเหม่อมองฟ้า ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อตะโกนจากด้านนอกว่า “ไทเฮาเสด็จ อันผิงอ๋องเสด็จ พระสนมเสียนผินเสด็จ”

อันผิงอ๋องรึ

เขาเป็นบุรุษระยำที่เจ้าของร่างเดิมชอบไม่ใช่หรือ

เหตุใดจู่ๆ เขาจึงเข้ามาในวัง

ถ้าเขาจำตัวเองได้จะทำเช่นไรดี

ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็เหงื่อแตกพลั่ก รีบวิ่งไปข้างหลังเย่จิ่งอวี้ พยายามย่อตัวเองให้เล็กที่สุด

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย วางพู่กันขนหมาป่าในมือลง

ไทเฮาเดินเข้ามาก่อน ตามมาด้วยเย่จิ่งเย่าและลู่จิ้งเสียนที่ตามมาติดๆ

อินชิงเสวียนมองไปยังเย่จิ่งเย่าโดยไม่รู้ตัว

เค้าหน้าของเขาดูคล้ายคลึงกับเย่จิ่งอวี้อยู่หลายส่วน แต่โหนกแก้มของเขาสูงมา ริมฝีปากบางเกินไป และรูปลักษณ์ของเขาดูเย็นชาเล็กน้อย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาพูดถึงการแต่งงานกับเจ้าของร่างเดิม แต่พอคล้อยหลังเขาก็ไปแต่งงานกับผู้อื่น เป็นบุรุษที่เลวทรามกว่าเย่จิ่งอวี้ด้วยซ้ำ

ขณะที่คิดเรื่องนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนแล้ว

“อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เหตุใดเสด็จแม่ถึงมาที่นี่ได้”

เย่จิ่งเย่าได้ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว

“น้องขอถวายบังคมฝ่าบาท เดิมทีควรมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน แต่ได้ยินมาว่าระยะนี้ไทเฮาทรงประชวร ดังนั้นจึงไปที่ตำหนักฉือหนิงก่อน หวังว่าฝ่าบาทจะให้อภัยด้วย”

เย่จิ่งอวี้เดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “เจ้ากับเราล้วนเป็นพี่น้องกัน เหตุใดเจ้าถึงต้องมีมารยาทมากเพียงนี้ เดิมทีอันผิงอ๋องเป็นโอรสสายตรงของไทเฮา ควรไปถวายพระพนที่ตำหนักฉือหนิงก่อนก็ถูกแล้ว”

“น้องขอบพระทัยฝ่าบาทที่เข้าใจ”

เย่จิ่งเย่ายืนขึ้นจากพื้น หันไปมองขันทีน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้มังกร

อินชิงเสวียนก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว แต่นางยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากด้วยตาราวกับอสรพิษร้ายคู่นั้น หัวใจเต้นแรงอย่างอดไม่ได้

แย่แล้ว คราวนี้จบเห่แล้ว

เจ้าของร่างเดิมรู้จักเย่จิ่งเย่ามานานแล้ว เขาต้องจำตัวเองได้แน่นอน ถ้าเกิดเขาเปิดเผยตัวตนต่อหน้า ควรทำเช่นไรดี

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

ลู่จิ้งเสียนก็คุกเข่าลงเช่นกัน ดวงตาของนางบวมแดงจากการร้องไห้

เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ลุกขึ้น”

ไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้ว หลี่เต๋อฝูรีบไปชงชามาให้ทั้งหมดด้วยความรวดเร็ว ไทเฮาจิบชาอย่างไม่เร่งรีบ มองดูเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “เมื่อวานเสียนเอ๋อร์ไปหาข้า บอกว่าชอบขันทีน้อยผู้หนึ่ง เข้าวังมาตั้งนาน เสียนเอ๋อร์ไม่เคยขออะไรจากข้าเลย ข้าจึงอนุญาตแล้ว แต่ดลับได้ยินว่าฮ่องเต้หักหน้าเสียนเอ๋อร์เพราะเรื่องนี้ ทั้งยังลดตำแหน่งนาง ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์