อาซือหลานและจูอวี้เหยียนได้ถอยออกไปหลายจั้งแล้ว
บนหอคอยกำแพงเมืองมีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง ต่อมาก็มีเสียงร้องโอดโอยดังระงม
อูเอินได้รับการคุ้มกันจากองครักษ์หลายคนพาถอยไปอยู่มุมหนึ่ง เศษดินบนผนังตกใส่ใบหน้าของเขา
อาซือหลานได้เห็นฤทธิ์เดชของดินปืนมาก่อนแล้ว แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถทำร้ายยอดฝีมือเช่นเขาได้ แต่กลับมีอานุภาพมากเกินพอที่จะจัดการกับทหารธรรมดาๆ ได้
อูเอินตะโกนทันที “รีบถอนกำลังลงจากกำแพง”
สีหน้าของอาซือหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ถอยไม่ได้ ใช้ธนูจัดการพวกเขา”
อูเอินกล่าวอย่างร้อนรน “นักธนูหรือจะต่อกรกับดินปืนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามีโล่ป้องกัน หากเราให้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูในเวลานี้ ก็เท่ากับบอกให้พวกเขาไปมอบชีวิต”
อาซือหลานพูดอย่างเย็นชา “หากล่าถอยในเวลานี้ ก็ต้องเสียเมืองนี้ไป ทหาร เตรียมธนู!”
ชาวเจียงวูศรัทธาผู้ที่มีกำลังแข็งแกร่งมาโดยตลอด ในบรรดาบุตรชายหลายคนของราชาเผ่าคนเก่า อูเอินมีทักษะวรยุทธ์ต่ำที่สุด เกือบทุกคนต่างก็รู้ดีว่าท่านอ๋องเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ทุกคนให้ความเคารพนับถืออาซือหลานเหนือกว่าอูเอินมานานแล้ว จึงมีหลายคนที่หยิบธนูและลูกธนูขึ้นมาอีกทันที
ก่อนที่ทหารเหล่านี้จะไปถึงทางเข้ากำแพงเมือง ดินปืนระลอกใหม่ก็ถูกโยนใส่หอคอยกำแพงเมือง
มีเสียงระเบิดหลายครั้ง ทหารนับไม่ถ้วนถูกแรงระเบิดอัดจนร่างแหลกกระเด็นไปทุกที่
อูเอินทนเห็นทหารตายอย่างอนาถไม่ได้ จึงตะโกนเสียงดังว่า “ทหารเหล่านี้ล้วนบริสุทธิ์ พวกเขามีพ่อแม่พี่น้องด้วย เจ้าทนเห็นพวกเขาตายได้หรือ”
อาซือหลานพูดอย่างเย็นชา “หน้าที่ของทหารคือรักษาชายแดนและปกป้องบ้านเมือง ถ้าไม่ใช้พวกเขาตอนนี้ แล้วจะรอจนถึงเมื่อไหร่”
อูเอินกล่าวว่า “ถึงเช่นนั้นก็ไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการไปตาย พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นประชาชนชาวเจียงวูของพวกเรา”
ทหารยังคงน้าวคันธนูใส่ลูกธนูและยิงไปด้านล่างกำแพงเมืองไม่หยุด ในเวลานี้ ดินปืนระลอกใหม่ก็ถูกโยนขึ้นมาอีก ทหารจำนวนมากก็ถูกแรงระเบิดอัดจนบาดเจ็บล้มตายไปอีกครั้ง
แม้ว่าทหารจะศรัทธาอาซือหลาน แต่ก็กลัวความตายเช่นกัน ขณะที่กำลังเกิดการลังเล ตะขอบินหลายตัวก็ลอยขึ้นมาจากด้านล่างของกำแพงเมือง
อินปู้อวี่และกวนเซี่ยวปีนขึ้นมาจากกำแพงเมืองพร้อมกับยอดฝีมือหลายคน
อาซือหลานเขย่งปลายเท้า แล้วเหาะเข้าไปหากวนเซี่ยว
กวนเซี่ยวชักกระบี่ยาวของเขาออกมา
“เจ้าก็คือตัวปลอมคนนั้น?”
อาซือหลานยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“ถือว่าเจ้ายังไม่โง่เกินไปนัก”
กวนเซี่ยวโกรธจัด พุ่งโจมตีด้วยกระบี่
“สารเลว เจ้าหลอกจนข้าตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช”
“อย่างเจ้าน่ะรึ จะสู้กับข้าได้”
อาซือหลานโบกพัดพับ แล้วซัดใส่กวนเซี่ยว
อินปู้อวี่เดินสลับขาขึ้นมา และมาอยู่ต่อหน้ากวนเซี่ยวแล้ว
จูอวี้เหยียนพูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “พี่ชายน้อยรูปงามผู้นี้ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”
นางปลดแส้สีแดงเข้มออกจากเอว แล้วสะบัดแส้ฟาดเปรี้ยง ควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งก็ลอยคละคลุ้งทั่วอากาศอากาศ
อินปู้อวี่ปิดปากและจมูกของเขาทันที เขาได้ยินน้องหญิงใหญ่เคยบอกไว้ว่า ชาวเจียงวูเชี่ยวชาญการใช้พิษมาก โดยเฉพาะดีนกยูง
ก่อนเดินทางมาที่นี่ น้องหญิงใหญ่แจกจ่ายถุงน้ำให้ทุกคน โดยบอกว่าน้ำในถุงสามารถรักษาพิษได้หลายร้อยชนิด ถึงกับคะยั้นคะยอให้ท่านพ่อดื่มเพิ่มเป็นพิเศษด้วย
แม้ว่าอินปู้อวี่จะเชื่อในตัวน้องสาวของเขา แต่ก็ยังต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
จูอวี้เหยียนผลิยิ้มหวานล้ำ และพูดว่า “พิษของข้าไม่ใช่ยาพิษธรรมดา พี่ชายน้อยตระกูลอิน นอนลงแต่โดยดีเถอะ”
นางสะบัดแส้ออกมา อินปู้อวี่ก็ตวัดคมมีดไปสับ แต่รู้สึกว่าแส้นั้นแข็งมาก ไม่สามารถตัดให้ขาดได้
แส้ของจูอวี้เหยียนพันรอบกระบี่ของอินปู้อวี่แล้ว
“ท่านสามี ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ”
อินปู้อวี่ตกใจ สะบัดปลายเท้าเตะไปยังจูอวี้เหยียน
“ไร้ยางอาย”
จูอวี้เหยียนพูดอย่างงอนๆ “ท่านสามีพูดกับพี่สาวเช่นนี้ พี่สาวก็เสียใจเป็นนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...