ก่อนที่อินชิงเสวียนจะได้พูด ต่งจื่ออวี๋ก็รีบอธิบายอีกว่า “อาจารย์ของข้ารู้แล้วว่าข้ามอบกระพรวนทองให้ผู้อาวุโส หลังจากใช้เสร็จแล้ว ข้าจะมอบคืนให้ผู้อาวุโสอีกครั้ง”
ในความเห็นของอินชิงเสวียน สิ่งที่ต่งจื่ออวี๋พูดนั้นเป็นเพียงคำพูดที่สุภาพเท่านั้น กระพรวนทองนั้นมีค่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอาคมที่สลักไว้ จึงต้องเป็นสิ่งล้ำค่า อาจารย์ของเขาจึงให้เด็กโง่คนนี้กลับมาขอคืน
เมื่อคิดว่าเย่จิ่งอวี้เก็บไว้อยู่นานแล้วก็ยังค้นคว้าอะไรไม่ได้ เก็บไว้ก็ไม่มีปะโยชน์ กล่าวว่า “ของสิ่งนั้นอยู่กับฝ่าบาท เมื่อข้ากลับวังแล้วจะนำมาคืนให้เข้า”
ต่งจื่ออวี๋รู้สึกซาบซึ้ง ยกมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณผู้อาวุโส หลังจากใช้เสร็จแล้ว ข้าจะส่งคืนกลับวังให้ท่าน”
อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ และพูดว่า “ไม่จำเป็น เดิมทีก็เป็นทรัพย์สินของสำนักของเจ้า สมควรกลับไปหาเจ้าของเดิม”
ต่งจื่ออวี๋รีบโบกมือพัลวัน
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าต้องการยืมสิ่งนี้จริงๆ ให้แล้วไม่มีความตั้งใจที่จะเอาคืน ผู้อาวุโสก็รู้ดีว่ากระพรวนทองนี้เดิมทีมีสามพวง ต่อมาพวงหนึ่งขาดหายไป และอีกสองพวงที่เหลือจึงไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ท่านอาจารย์ได้พบพวงกระพรวนทองที่หายไปแล้ว เมื่อกระพรวนทองทั้งสามพวงมารวมกันสามารถกระตุ้นพรสวรรค์ทั้งสามแห่งฟ้าดินได้ ข้ามายืมกระพรวนทองที่นี่เพื่อป้องกันศัตรู”
อินชิงเสวียนนึกถึงคนที่ชิงเอาพิณไป แล้วถามทันทีว่า “คนที่มีกระพรวนทองมาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?”
ต่งจื่ออวี๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสรู้ตัวตนของนางแล้วหรือ คนผู้นั้นมาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”
อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ “หรือว่านางขโมยกระพรวนทองไปด้วย”
ต่งจื่ออวี๋ถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องนี้พูดแล้วก็ยาว พูดสั้นๆ ก็คือกระบวนการค่อนข้างซับซ้อน อาจารย์ของข้ากำลังขอกระพรวนทองคืน”
เรื่องราวในยุทธภพนั้น อินชิงเสวียนไม่ต้องการถามให้มากความ
นางร้องอ้อแล้วพูดว่า “งั้นคืนนี้เจ้าก็เข้ามาในวังเถอะ ยังมีอีกประการหนึ่ง ข้าคิดว่าเจ้าช่วยถามอาจารย์ของเจ้าแทนข้าได้หรือไม่ ว่าทำไมบางคนถึงปวดหัวเมื่อได้ยินเสียงกระพรวนทอง และจะรักษาอย่างไร”
“หรือว่าผู้อาวุโสถามแทนฝ่าบาท?”
“เป็นเช่นนั้น”
ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าจะช่วยตามคำถามนี้ให้ผู้อาวุโสอย่างแน่นอน”
อินชิงเสวียนประกบมือคารวะ แล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก”
ต่งจื่ออวี๋หัวเราะอย่างไร้เดียงสา
“ผู้อาวุโสไม่ต้องเกรงใจ”
“แล้วเจอกันคืนนี้ ข้าจะใช้เสียงกระพรวนทองเรียกหาเจ้า”
“ได้ ผู้เยาว์ขอลา”
ต่งจื่ออวี๋คำนับอินชิงเสวียน และออกจากสำนักศึกษาหลวง
อินชิงเสวียนยืนคิดอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าไม่ควรเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว ถือเสียว่าให้น้ำพุวิญญาณกับต่งจื่ออวี๋เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีก็แล้วกัน พอคิดได้ดังนี้แล้วนางก็รีบเดินเข้าไปในสำนักศึกษาหลวง
บัณฑิตเฒ่าๆ หลายคนกำลังยุ่งอยู่ข้างใน บ้างก็คัดลอกตำรา บ้างก็ศึกษาโจทย์คณิตศาสตร์ บ้างก็ทำการทดลองทางฟิสิกส์ ต่างก็ยุ่งจนมือเป็นระวัง
จนกระทั่งอินชิงเสวียนเดินมาหาพวกเขา ทั้งหมดจึงตระหนักว่ามีคนเพิ่มเข้ามาในห้อง
“ขออภัยด้วย วันนี้ข้าน้อยมาช้าเพราะติดธุระบางอย่าง”
อินชิงเสวียนกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม
ฉางจี้จิ่วเพิ่งแก้ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวได้ เขาอารมณ์ดีมาก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่สาย ไม่สาย วันนี้เราจะเรียนเรื่องอะไรกัน”
อินชิงเสวียนเดินไปที่โต๊ะเรียน แล้วพลิกดูความคืบหน้าของแผนการสอน
“เรียนเรื่องคณิตศาสตร์กันก่อน แล้วค่อยเรียนเรื่องฟิสิกส์”
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าเหล่านี้สนใจคณิตศาสตร์มากกว่า เนื่องจากต้าโจวมีคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แต่มีทัศนคติที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อวิชาฟิสิกส์ สำหรับวิชาเคมีนั้นพวกเขาสับสนอย่างสิ้นเชิง
ในบรรดาวิชาทั้งสามนี้ เคมีเป็นวิชาที่พัฒนายากที่สุด ถึงอย่างไรยุคนี้ไม่มีไฟฟ้า และคำตอบของแหล่งกำเนิดแสงนั้นเป็นเพียงคำตอบหลักลอยโดยสิ้นเชิง อาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไขความคิดของพวกเขา
ถึงอย่างไรตัวเองก็มีเวลามาก จึงไม่รีบร้อน
หลังจากบรรยายไปสองวิชา ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดถึงในวิชาเคมีมากนัก ดังนั้นวันนี้จึงพอเท่านี้ก่อน
หลังจากออกจากสำนักศึกษาหลวง อินชิงเสวียนไปร้านขายข้าว ธุรกิจของหลิวเหล่าไท่ไท่ยังไปได้ดี พอเห็นหน้าอินชิงเสวียนก็กุลีกุจอหยิบตั๋วเงินมาให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...