ซูหมิงหลานรีบพูดทันควัน “อย่าไปฟังจื่อลั่ว แค่ได้ลองกินของอร่อยๆ ก็พอแล้ว ประเดี๋ยวถ้าคนรู้เข้า จะตกเป็นขี้ปากเขาอีก”
จากนั้นก็พูดกับอินจื่อลั่ว “พี่สาวของเจ้าอยู่ในวังก็ลำบากอยู่แล้ว จะขอทุกสิ่งไม่ได้”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ทั้งหมดล้วนเป็นของที่ฝ่าบาทประทานให้ ไม่มีใครกล้านินทา”
“ถึงกระนั้นก็ไม่ดี ในวังมีหูตามากมาย ตอนนี้พระสนมกำลังได้รับพระเมตตาอันมากล้น ไม่รู้ว่ามีดวงตากำลังเฝ้าดูอยู่กี่คู่”
ซูหมิงหลานพูดด้วยท่าทางกังวล
“ท่านแม่รองไม่ต้องห่วง ข้ารู้กาละเทศะเจ้าค่ะ”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ถามว่า “ที่บ้านยังมีเงินอยู่หรือไม่”
ซูหมิงหลานพูดโดยเร็ว “ยังมีอยู่ พ่อของเจ้าทิ้งเงินทั้งหมดไว้ที่บ้าน ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
อินชิงเสวียนพยักหน้าตอบว่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าไม่อาจออกนอกวังได้นานนัก ต้องขอกลับก่อนแล้ว”
ซูหมิงหลานลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“จะไม่อยู่กินข้าวก่อนหรือ”
อินชิงเสวียนตบมือของนางเบาๆ
“ข้าออกมาพักใหญ่แล้ว วันนี้ไม่กินดีกว่า”
อินจื่อลั่วคว้าเสื้อของอินชิงเสวียนอย่างอาลัย
“เมื่อไหร่ท่านพี่จะกลับมาอีกเจ้าคะ”
อินชิงเสวียนพูดเบาๆ “สองวันนี้พี่ต้องออกมานอกวัง ถ้าพอมีเวลา ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีก หากมีปัญหาอะไร ท่านแม่รองก็หาข้าที่สำนักศึกษาหลวงได้ บอกแค่ว่ามาหาอาจารย์อิน”
อินจื่อลั่วกระโดดขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที
“ดีจังเลย จื่อลั่วได้เจอท่านพี่อีกแล้ว”
ซูหมิงหลานพูดทันที “อย่าไปฟังนาง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า อย่าทำให้ตัวเองลำบาก”
“ข้าทราบแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับวังก่อน”
อินชิงเสวียนคว้าสายบังเหียนและขึ้นไปบนหลังม้า
อินจื่อลั่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
“ท่านพี่เก่งจังเลย”
อินชิงเสวียนกระตุ้นม้าให้เดินทางกลับวัง ไม่ได้หันกลับมามองอีก
ซูหมิงหลานกอดลูกสาวอย่างอดไม่ได้ จนกระทั่งอินชิงเสวียนคล้อยหลังไป สองแม่ลูกจึงกลับเข้าจวน
อินชิงเสวียนในวันนี้เปลี่ยนไปมาก เมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็กในอดีตที่ทำตัวแปลกแยกกับนาง และมักจะหาเรื่องอยู่เสมอ ซูหมิงหลานก็ทอดถอนใจอย่างใจหาย
การเข้ากับอินชิงเสวียนได้เช่นนี้ เป็นความใฝ่ฝันของนางมาโดยตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็เป็นจริงแล้ว
นางยิ้มอย่างมีความสุข พูดกับอินจื่อลั่ว “ประเดี๋ยวไปช่วยแม่พันด้ายด้วยนะ เราไม่สามารถเอาแต่พึ่งพาพี่สาวของเจ้าฝ่ายเดียว ควรหาเงินส่งให้นางด้วย ถ้าเผื่อพี่สาวของเจ้าไม่มีเงินใช้ ถูกคนในวังหัวเราะเยาะเอา”
อินจื่อลั่วกัดขนมแล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “ท่านแม่จะขายงานปักสองด้านหรือเจ้าคะ”
ซูหมิงหลานตอบรับคำ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีงานปักที่สวยงามเช่นนี้ ถ้านำไปขาย ก็น่าจะสามารถสร้างรายได้ได้”
อินจื่อลั่วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปขายกับท่านแม่ด้วย”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน พร้อมกับเดินเข้าไปในเรือนหลัง
ทางด้านอินชิงเสวียนก็มาถึงห้องหนังสือแล้ว
เย่จิ่งอวี้เพิ่งเปลี่ยนชุดลำลอง กำลังดื่มชาบนเก้าอี้ไม้แดง
เสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนทำให้เขาดูองอาจสง่างาม สักเสลาราวกับต้นหยก
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็วางถ้วยชาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้เจ้าถึงมาหาข้าได้”
อินชิงเสวียนเอามือไพล่หลัง พูดด้วยรอยยิ้มระรื่น “หม่อมฉันเป็นห่วงสุขภาพของฝ่าบาท ก็เลยมาน่ะสิเพคะ”
นับตั้งแต่พวกเขามีความสัมพันธ์แนบแน่น อินชิงเสวียนไม่อยากวางท่าสง่างามแสดงความเคารพไปมาทุกวัน ทำเช่นนั้นเหนื่อยเกินไปจริงๆ
เย่จิ่งอวี้ยิ่งชอบสีหน้าท่าทางมีชีวิตชีวาของนางมากกว่า เรื่องการทำตามขนบธรรมเนียมนั้นในวังยังมีอีกมาก ลำพังแค่มองก็เบื่อพออยู่แล้ว
เขาตบเก้าอี้ข้างๆ แล้วพูดว่า “มาเล่าให้ข้าฟังหน่อสิว่าสองวันนี้เจ้าสอนอะไรไปบ้าง”
“อธิบายโจทย์ในวิชาคณิตศาสตร์ และกฎฟิสิกส์บางข้อเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...