สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 483

อินชิงเสวียนตัดสินใจทำการทดลองในวัง อย่างไรพืชผักและเมล็ดข้าวสาลีในสวนอวิ๋นเซียงถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ที่ดินก็ทิ้งว่าง

แม้อินชิงเสวียนจะสามารถเร่งเวลาการเติบโตในมิติได้ แต่พื้นมีกลับมีจำกัด แม้ว่านางจะนำเสบียงอาหารออกมาจากมิติทั้งหมด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อประชาชนชาวต้าโจว

ดังคำที่ว่า สอนเขาจับปลา ดีกว่าหาปลาให้เขากิน แต่ถ้าหากปลูกเมล็ดข้าวสาลี ผลผลิตคงไม่มากเท่าด้านในมิติ การปลูกมันเทศและมันฝรั่งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พืชเหล่านี้เติบโตง่ายกว่า ผลผลิตค่อนข้างมาก และยังสามารถใช้ประทังความหิวได้

หลายวันนี้ อินชิงเสวียนจึงใช้เวลาในช่วงบ่ายพาขันทีกลุ่มหนึ่งมาสร้างโรงเรือนที่สวนอวิ๋นเซียง และสร้างเตาผิงขนาดใหญ่ไว้ด้านใน

พวกลำไม้ไผ่ค่อนข้างหาได้ง่าย ถุงพลาสติกก็ใช้คะแนนสะสมแลกมา อินชิงเสวียนขี้เกียจอธิบายที่มาของพลาสติกกับทุกคน นางสั่งให้คนนำไปปูในทันที

ทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันว่า สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนล้วนมาจากฮว๋าเซี่ยทั้งนั้น เพราะเหนียงเหนียงมักมีสิ่งของที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเสมอ ทุกคนจึงไม่รู้แปลกใจ

หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว อินชิงเสวียนก็ใช้น้ำพุวิญญาณน้ำผัก และสั่งให้ขันทีสองคน ทำการเฝ้าสังเกตอุณหภูมิและความชื้นของสวนทุกวัน เพื่อสามารถรับประกันได้ว่าต้นกล้าจะเติบโตได้อย่างราบรื่น

เย่จิ่งอวี้ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง พืชทั้งสองชนิดเป็นของดีทั้งนั้น สามารถใช้เป็นอาหารและประกอบอาหารเพื่อประทังความหิวได้ อีกทั้งยังเก็บรักษาได้ง่าย เหมาะสมที่จะเป็นอาหารในช่วงผ่านฤดู

เพราะน้ำพุวิญญาณให้ผลลัพธ์ที่ดี เพียงไม่กี่วันพืชทั้งสองชนิดก็งอกต้นอ่อนออกมาทั้งหมด ใบไม้สีเขียวอ่อน น่าประหลาดใจยิ่งนัก

เมื่อสัมผัสใบอ่อนที่เขียวละมุน อินชิงเสวียนก็ภูมิใจเป็นอย่างมาก

เสี่ยวอานจื่ออยู่ด้านหลังของอินชิงเสวียน ยิ้มและพูดว่า “เหนียงเหนียงเก่งมากจริงๆ สามารถเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ในสภาพอากาศเช่นนี้ได้”

อินชิงเสวียนยิ้มตาหยีและพูดว่า “หากโรงเรือนนี้สามารถปลูกพืชได้สำเร็จ เราจะสามารถเพาะปลูกได้ตลอดสี่ฤดู ประชาชนแคว้นต้าโจวก็ไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป”

เสี่ยวอานจื่อยกนิ้วโป้งขึ้นมาทันที

“เหนียงเหนียงช่างเป็นคนดีที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจริงๆ หากประชาชนชาวต้าโจวรู้ว่าเหนียงเหนียงห่วงใยพวกเขามากขนาดนี้ พวกเขาจะต้องรู้สึกขอบคุณจากใจ และซาบซึ้งใจมากแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนจับผมที่ถูกลมพัดปลิวยุ่งเหยิงและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการคำขอบคุณจากพวกเขาหรอก ขอเพียงทุกคนได้กินอิ่มท้อง ข้าจะได้ไม่ต้องเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์”

เสี่ยวอานจื่อพูดด้วยความจริงใจว่า “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ตราบใดที่มันยืนหยัดจนผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้ ปีหน้าก็จะสามารถเพาะปลูกได้มากขึ้น ถึงตอนนั้นประชาชนก็จะมีอาหารกินอิ่มท้องพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนหัวเราะและพูดว่า “เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากของเจ้านะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”

ทุกคนเพิ่งเดินออกจากสวนอวิ๋นเซียง ก็เห็นอวิ๋นฉ่ายวิ่งมาแต่ไกล และพูดตะโกนด้วยสีหน้าดีใจ “พระสนม นายท่านและคุณชายรองกลับมาแล้วเพคะ”

อินชิงเสวียนสีหน้าดีใจทันที

“จริงหรือ?”

อวิ๋นฉ่ายพยักหน้าและพูดว่า “จริงเพคะ คุณชายรองให้คนนำจดหมายมาส่งในวัง บอกว่าหากวันพรุ่งนี้พระสนมออกจากวังได้ จะให้ท่านไปหาที่จวนหน่อยเพคะ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องหนังสือเพื่อรายงานพระบัญชาต่อฝ่าบาท พระสนมจะไปดูหน่อยไหมเพคะ?”

อินชิงเสวียนครุ่นคิด

“ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเขาคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ ข้าไม่ไปหรอก อย่างไรพรุ่งนี้ข้าก็ออกจากวังได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเรากลับกันเถอะ”

“เพคะ”

ณ ห้องหนังสือ

อินจ้งนำอินปู้อวี่และกวนเซี่ยวมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท

ทั้งสามยกชุดคลุมขึ้น และถวายความเคารพต่อเย่จิ่งอวี้

“กระหม่อมทั้งหลายขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์