อินชิงเสวียนตัดสินใจทำการทดลองในวัง อย่างไรพืชผักและเมล็ดข้าวสาลีในสวนอวิ๋นเซียงถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ที่ดินก็ทิ้งว่าง
แม้อินชิงเสวียนจะสามารถเร่งเวลาการเติบโตในมิติได้ แต่พื้นมีกลับมีจำกัด แม้ว่านางจะนำเสบียงอาหารออกมาจากมิติทั้งหมด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อประชาชนชาวต้าโจว
ดังคำที่ว่า สอนเขาจับปลา ดีกว่าหาปลาให้เขากิน แต่ถ้าหากปลูกเมล็ดข้าวสาลี ผลผลิตคงไม่มากเท่าด้านในมิติ การปลูกมันเทศและมันฝรั่งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พืชเหล่านี้เติบโตง่ายกว่า ผลผลิตค่อนข้างมาก และยังสามารถใช้ประทังความหิวได้
หลายวันนี้ อินชิงเสวียนจึงใช้เวลาในช่วงบ่ายพาขันทีกลุ่มหนึ่งมาสร้างโรงเรือนที่สวนอวิ๋นเซียง และสร้างเตาผิงขนาดใหญ่ไว้ด้านใน
พวกลำไม้ไผ่ค่อนข้างหาได้ง่าย ถุงพลาสติกก็ใช้คะแนนสะสมแลกมา อินชิงเสวียนขี้เกียจอธิบายที่มาของพลาสติกกับทุกคน นางสั่งให้คนนำไปปูในทันที
ทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันว่า สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนล้วนมาจากฮว๋าเซี่ยทั้งนั้น เพราะเหนียงเหนียงมักมีสิ่งของที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเสมอ ทุกคนจึงไม่รู้แปลกใจ
หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว อินชิงเสวียนก็ใช้น้ำพุวิญญาณน้ำผัก และสั่งให้ขันทีสองคน ทำการเฝ้าสังเกตอุณหภูมิและความชื้นของสวนทุกวัน เพื่อสามารถรับประกันได้ว่าต้นกล้าจะเติบโตได้อย่างราบรื่น
เย่จิ่งอวี้ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง พืชทั้งสองชนิดเป็นของดีทั้งนั้น สามารถใช้เป็นอาหารและประกอบอาหารเพื่อประทังความหิวได้ อีกทั้งยังเก็บรักษาได้ง่าย เหมาะสมที่จะเป็นอาหารในช่วงผ่านฤดู
เพราะน้ำพุวิญญาณให้ผลลัพธ์ที่ดี เพียงไม่กี่วันพืชทั้งสองชนิดก็งอกต้นอ่อนออกมาทั้งหมด ใบไม้สีเขียวอ่อน น่าประหลาดใจยิ่งนัก
เมื่อสัมผัสใบอ่อนที่เขียวละมุน อินชิงเสวียนก็ภูมิใจเป็นอย่างมาก
เสี่ยวอานจื่ออยู่ด้านหลังของอินชิงเสวียน ยิ้มและพูดว่า “เหนียงเหนียงเก่งมากจริงๆ สามารถเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ในสภาพอากาศเช่นนี้ได้”
อินชิงเสวียนยิ้มตาหยีและพูดว่า “หากโรงเรือนนี้สามารถปลูกพืชได้สำเร็จ เราจะสามารถเพาะปลูกได้ตลอดสี่ฤดู ประชาชนแคว้นต้าโจวก็ไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป”
เสี่ยวอานจื่อยกนิ้วโป้งขึ้นมาทันที
“เหนียงเหนียงช่างเป็นคนดีที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจริงๆ หากประชาชนชาวต้าโจวรู้ว่าเหนียงเหนียงห่วงใยพวกเขามากขนาดนี้ พวกเขาจะต้องรู้สึกขอบคุณจากใจ และซาบซึ้งใจมากแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนจับผมที่ถูกลมพัดปลิวยุ่งเหยิงและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการคำขอบคุณจากพวกเขาหรอก ขอเพียงทุกคนได้กินอิ่มท้อง ข้าจะได้ไม่ต้องเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์”
เสี่ยวอานจื่อพูดด้วยความจริงใจว่า “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ตราบใดที่มันยืนหยัดจนผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้ ปีหน้าก็จะสามารถเพาะปลูกได้มากขึ้น ถึงตอนนั้นประชาชนก็จะมีอาหารกินอิ่มท้องพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนหัวเราะและพูดว่า “เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากของเจ้านะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
ทุกคนเพิ่งเดินออกจากสวนอวิ๋นเซียง ก็เห็นอวิ๋นฉ่ายวิ่งมาแต่ไกล และพูดตะโกนด้วยสีหน้าดีใจ “พระสนม นายท่านและคุณชายรองกลับมาแล้วเพคะ”
อินชิงเสวียนสีหน้าดีใจทันที
“จริงหรือ?”
อวิ๋นฉ่ายพยักหน้าและพูดว่า “จริงเพคะ คุณชายรองให้คนนำจดหมายมาส่งในวัง บอกว่าหากวันพรุ่งนี้พระสนมออกจากวังได้ จะให้ท่านไปหาที่จวนหน่อยเพคะ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องหนังสือเพื่อรายงานพระบัญชาต่อฝ่าบาท พระสนมจะไปดูหน่อยไหมเพคะ?”
อินชิงเสวียนครุ่นคิด
“ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเขาคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ ข้าไม่ไปหรอก อย่างไรพรุ่งนี้ข้าก็ออกจากวังได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเรากลับกันเถอะ”
“เพคะ”
ณ ห้องหนังสือ
อินจ้งนำอินปู้อวี่และกวนเซี่ยวมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท
ทั้งสามยกชุดคลุมขึ้น และถวายความเคารพต่อเย่จิ่งอวี้
“กระหม่อมทั้งหลายขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...