เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้ววางม้วนหนังสือในมือลง
"เข้ามาได้"
ครู่เดียว หานสือซึ่งสวมชุดธรรมดาเดินตรงเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเขาเข้ามาถึงก็คุกเข่าลงด้วยความรีบร้อนใจ
"เมื่อครู่กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าว วิธีการที่ฝ่าบาทให้มานั้นได้ผลแล้ว ขุนนางได้ทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่ง กักตัวผู้ที่มิได้ติดเชื้อออกไป สำหรับผู้ที่มิอาจช่วยไว้ได้ ให้นำเอาไปเผา บัดนี้สถานการณ์โรคระบาดถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
คิ้วของเย่จิ่งอวี้ที่ขมวดเข้าหากันอยู่จึงคลายออกเล็กน้อย
"ดียิ่งนัก จงไปกำชับให้ปรุงยามากขึ้น พยายามช่วยให้ได้ทุกคน อย่าให้พลาดแม้แต่คนเดียว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หานสือก็คุกเข่าลงทั้งสองข้างพร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า "ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาธิคุณเช่นนี้ ช่างเป็นบุญของไพร่ฟ้าประชาชนเหลือเกิน"
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจกล่าวว่า "แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสวรรค์จึงได้ลงโทษแล้วซ้ำเล่า ทรมานประชาชนในแคว้นต้าโจวเพียงนี้"
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาเล็กน้อย "เจ้าหมายถึงการระบาดของตั๊กแตน?"
หานสือตอบรับว่า "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แม้การที่ตั๊กแตนระบาดจะมิใช่เรื่องแปลก แต่ก็มิใช่ว่าเกิดขึ้นทุกปี บัดนี้ทั้งภัยแล้ง โรคระบาดและพิบัติจากตั๊กแตนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน หากไม่รีบจัดการเข้าควบคุมและก็ ประชาชนคงจะได้กล่าวขาน”
เย่จิ่งอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า "พวกเขาจะกล่าวว่าสิ่งใดหรือ กล่าวว่าข้าเข้ารับตำแหน่งโดยไร้คุณธรรม? กล่าวว่าข้ามิใช่ทายาทสายตรงของไทเฮา? หรือกล่าวว่าใต้หล้านี้มิควรเป็นของข้า"
หานสือตกใจจนรีบคุกเข่าลงพื้น
“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ!"
เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า "เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ในวันนี้ก่อนการประชุมราชวงศ์เช้า พวกเจ้าสนทนากันสนุกปากมิใช่หรือ"
เหงื่อบนหน้าผากของหานสือผุดออกมาเม็ดโต เขายังคงคุกเข่ากล่าวว่า "กระหม่อมไม่เคยกล่าวถึงฝ่าบาทในแง่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ!"
เย่จิ่งอวี้โน้มกายลงมาเล็กน้อย แววตามองไปด้วยความบีบบังคับ
"เจ้าไม่เคยกล่าว แต่นั่นหมายความว่าเจ้าไม่เคยคิดด้วยหรือ"
หานสือไม่รู้จะทำเช่นไร เขาตกใจจนรีบหมอบลงพื้น "แม้ฝ่าบาทจะมิใช่ทายาทสายตรงของฮองเฮา แต่ก็เป็นโอรสองค์โตของ ฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่ไหนแต่ไรมา คนโบราณให้ความสำคัญเรื่องลำดับทายาทในตระกูล มิเว้นแม้แต่ราชวงศ์”
สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
"ลุกขึ้นเถิด จะมานั่งเถียงกันด้วยเรื่องราวเหล่านี้ สู้เอาเวลาไปคิดไม่ดีกว่าหรือว่าจะจัดการกับตั๊กแตนเช่นไร”
หานสือรีบตอบว่า "เป็นจริงเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ส่งคนไปยังหว่านซีเพื่อจับตั๊กแตนแล้ว คาดว่ามิเกินวันนี้คงได้รับข่าวดีกลับมา"
อินชิงเสวียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อมีตั๊กแตนมาลงนามันก็จะขยายพื้นที่ไปทั่วอย่างรวดเร็ว กระหม่อมรับใช้จับให้ตายทั้งชีวิตก็จับไม่หมด อีกอย่างเจ้าแมลงนั้นก็มีปีก จะให้คนบินตามมันไปหรืออย่างไร
นางก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าลงแล้วกล่าวว่า "กระหม่อมมีความคิดเห็นหนึ่ง บางทีอาจจัดการเหล่าตั๊กแตนได้"
หานสือหรี่ตามองดูอินชิงเสวียนแล้วคิดอยู่ในใจว่า เจ้าคนบ้านนอกคอกนานี่มาจากไหน เนิ่นนานนับพันปีภัยพิบัติเรื่องตั๊กแตนก็มิอาจจัดการได้ ขันทีธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความคิดเห็นใด
เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เจ้าลองว่ามา"
อินชิงเสวียนกระแอมเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "แผนการของกระหม่อมนั้นง่ายดายยิ่งนัก เพียงแค่นำเป็ดไก่ 2-3000 ตัวไปปล่อยที่นั่น เป็ดไก่เป็นศัตรูกับตั๊กแตนมาโดยกำเนิด รับรองว่าจะสามารถกำจัดแมลงได้จนหมด"
ดวงตาอันเหี่ยวย่นของหานสือเกิดเป็นประกายขึ้นทันใด
สัตว์เหล่านี้ล้วนกินตั๊กแตนเป็นอาหาร อีกอย่างพวกมันก็บินได้ หากได้ผลจริงคงจะจับตั๊กแตนได้มากกว่ามนุษย์
เย่จิ่งอวี้ก็ชะงักลงเล็กน้อยเช่นกัน วิธีนี้เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อครุ่นคิดดูอีกหนก็พบว่าสมเหตุสมผลยิ่งนัก ข้อเสนอแนะนี้ถือว่าแปลกดี
เขาเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย มือตบลงบนโต๊ะเบาๆ "จงไปประกาศให้รวบรวมเป็ดไก่มาเยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วส่งไปยังหว่านซีเพื่อทำลายตั๊กแตน”
"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการบัดเดี๋ยวนี้"
หานสือคุกเข่าลงคารวะแล้วจากไปด้วยความยินดี
"เจ้าเองก็ลุกขึ้นเถิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...