สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 50

อินชิงเสวียนราวกับได้หลุดพ้น เมื่อเดินออกมาถึงนอกตำหนักก็พบเข้ากับหลี่เต๋อฝู

“จะวิ่งไปไหน อย่าได้เสียมารยาทต่อหน้าพระตำหนัก”

หลี่เต๋อฝูหรี่เสียงตวาดออกมาตำหนิ

อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ฝ่าบาทให้ข้าออกมารอด้านนอก”

หลี่เต๋อฝูชี้นิ้วไปที่เตียงตั่งเล็กๆ ด้านนอก

“เช่นนั้นจงไปรอที่นั่น คืนนี้เจ้านอนที่นี่ กระตือรือร้นเข้าล่ะ ยามวิกาลหากฝ่าบาทลุกขึ้นมา จงถือโถมังกรให้ฝ่าบาทด้วย”

อินชิงเสวียนงุนงง “โถมังกรคือสิ่งใด”

หลี่เต๋อฝูกล่าวเสียงเบาว่า “โถปัสสาวะ”

“หา!”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนร้อนผ่าวจนแทบไหม้

จริงหรือ ต้องช่วยเย่จิ่งอวี้ทำไอ้นั่น

ถึงร่างของนางตอนนี้จะเคยมีลูกมาแล้ว แต่ตัวจริงๆ ของนางยังเป็นสาวแรกรุ่น ไม่เคยจับมือผู้ชายด้วยซ้ำ จะให้ไปจับไอ้นั่นเนี่ยนะ...

วินาทีนี้อินชิงเสวียนอยากจะเอาหัวชนกำแพงเหลือเกิน

หลี่เต๋อฝูกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “อะไรกัน มีผู้คนมากมายอยากได้รับเกียรตินี้รู้หรือไม่”

อินชิงเสวียนพึมพำว่า “งั้นเก็บเกียรตินี้ไว้ให้หลี่กงกงเถอะ”

“นี่คือรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้ คิดจะให้ใครก็ได้หรือ”

หลี่เต๋อฝูตำหนิออกมาแล้วหันหลังจากไป

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้าหากัน นางแอบด่าในใจว่า “เย่จิ่งอวี้ คืนนี้หากเจ้ากล้าถ่ายเบา ข้าจะเอาเจ้าตายแน่”

หลังจากด่าทอเย่จิ่งอวี้ออกมาอย่างพอใจแล้ว อินชิงเสวียนจึงหายอัดอั้นใจ นางถอดรองเท้าขึ้นไปนอนบนเตียงตั่งตัวเล็กๆ

ยืนมาทั้งวันแล้ว บัดนี้ช่างเมื่อยเหลือเกิน นางอดมิได้ที่จะนึกถึงชีวิตในวังเย็น

หากรู้ว่าชีวิตด้านนอกลำบากเพียงนี้ สู้อยู่ในวังเย็นมิออกมาจะดีกว่า

คิดถึงยายหลี่ยิ่งนัก คิดถึงอวิ๋นฉ่ายด้วย และยังมีเจ้าหมาน้อย ตอนนี้คงเรียกแม่ได้แล้วกระมัง

อินชิงเสวียนคิดไปเรื่อยเปื่อยจากนั้นงีบหลับไป

ค่ำคืนผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตะวันขึ้นแล้ว

อินชิงเสวียนนึกได้ว่าตนอยู่ด้านนอกตำหนักเฉิงเทียน จึงรีบกระโดดลุกขึ้น

เมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่าไม่มีใครสักคน นางตกใจสะดุ้งโหยง

“ฝ่าบาทเล่า”

อินชิงเสวียนวิ่งมาด้านนอกประตู

เสี่ยวอานจื่อหัวเราะออกมาอย่างขำขันแล้วใช้นิ้วมืออันแข็งแกร่งชี้ไปที่อินชิงเสวียน “ฝ่าบาทเสด็จไปประชุมราชวงศ์เช้าตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง เจ้าน่ะหรือกลับหลับเป็นตาย โชคดีเหลือเกินที่ฝ่าบาทมิได้ลงโทษเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าตายแน่”

อินชิงเสวียนเงยหน้ามองดูพระอาทิตย์ บัดนี้น่าจะปาเข้าไปแปดโมงแล้ว

ในฐานะขันที นางกลับตื่นทีหลังฮ่องเต้ ช่างสมควรตายยิ่งนัก

เสี่ยวอานจื่อกล่าวด้วยสีหน้าแววตาอิจฉาว่า “แต่เจ้าก็มิต้องกังวลใจไป ก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จ ได้กำชับพวกเราไว้ว่าอย่าได้รบกวนเจ้า ฝ่าบาททรงดีต่อเจ้ายิ่งนัก”

อินชิงเสวียนเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“เช่นนั้นข้าต้องขอบพระทัยในพระกรุณาเป็นอย่างยิ่ง ข้าขอตัวไปดูเมล็ดพันธุ์ที่สวนอวิ๋นเซียงสักหน่อย”

เสี่ยวอานจื่อรีบกล่าวว่า “อย่างไรเสียข้าก็มิมีสิ่งใดทำ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

อินชิงเสวียนเองก็เกรงว่าตนจะหลงทาง หรืออาจถูกลู่จิ้งเสียนมาหาเรื่องเอาอีก หากมีเสี่ยวอานจื่ออยู่ด้วยน่าจะรับมือได้ดีกว่า

เหล่าขันทีในสวนอวิ๋นเซียงที่รู้ข่าวเรื่องอินชิงเสวียน เมื่อเจอหน้านางต่างพากันโค้งกายคารวะ “คารวะท่านหลินเจียน”

ตามปกติแล้วอินชิงเสวียนมักต้องคอยเอ่ยคารวะคนอื่นๆ บัดนี้เมื่อมีคนมาคารวะนางจึงรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก นางเอามือล้วงกระเป๋าที่เอวแล้วกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิด เมล็ดพันธุ์ในสวนเป็นอย่างไรบ้าง”

ขันทีน้อยคนหนึ่งรีบเข้ามาประจบประแจง “เติบใหญ่ได้เท่าฝ่ามือแล้วขอรับ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำชี้แนะของหลินเจียน”

อินชิงเสวียนตกตะลึง เมื่อวานเพิ่งจะมีรากงอก วันนี้โตเร็วขนาดนั้นเชียว

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนมิเชื่อ ขันทีน้อยจึงได้เปิดประตูสวยอวิ๋นเซียง

“เชิญท่านหลินเจียนดูเถิด”

อินชิงเสวียนรีบเดินตรงเข้าไปดูด้านในอย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปนางก็ต้องตกตะลึง

รากที่งอกเมื่อวานนี้ทะลุดินออกมาจริงๆ มันโตกว่า 10 เซนติเมตร

ให้ตายสิ หรือเมล็ดพันธุ์ในมิติจะต่างจากเมล็ดพันธุ์ข้างนอก

ก่อนหน้านี้นางกับท่านย่าเคยทำสวนด้วยกัน นางไม่เคยเห็นต้นไม้ใดโตเร็วขนาดนี้เลย!

ดูเหมือนสิ่งที่คาดเดาไว้คงไม่ผิด

จากนั้นนางก็วิ่งไปดูด้านผลไม้ ทั้งแตงโมและมะเขือเทศที่ปลูกเมื่อวานล้วนมีรากงอกออกมา

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจ ด้วยความรวดเร็วในการเติบโตนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสองเดือนคาดว่าข้าวสาลีคงได้เก็บเกี่ยว ถึงจะโตไม่เร็วเท่าในมิติ แต่ก็โตเร็วกว่าเมล็ดพืชพันธุ์ด้านนอกมากมาย

การที่มีเมล็ดพันธุ์เหล่านี้สามารถช่วยประชาชนคนธรรมดาได้มากมาย มิเสียแรงที่ทะลุมิติกลับมาแบบนี้

อินชิงเสวียนโบกมือสั่งให้เหล่าขันทีน้อยเริ่มลงมือรดน้ำ พวกเขาจัดแจงทุกอย่างเสร็จก็เหน็ดเหนื่อย มองไปพบว่าอินชิงเสวียนเหงื่อท่วมหลัง เปียกโชกไปทั้งตัว

นางอยากเข้าไปอาบน้ำในมิติเหลือเกิน จึงบอกกับเสี่ยวอานจื่อว่า “เสี่ยวอานจื่อกงกง รบกวนเจ้ากลับไปทูลต่อฝ่าบาทให้หน่อยว่าข้าจะไปดูน้องสาว ประเดี๋ยวจะกลับไปรับใช้”

เสี่ยวอานจื่อชี้นิ้วเรียวยาวของตนกล่าวว่า “คนกันเองทั้งนั้น เรียกชื่อข้าก็พอ แต่เจ้าต้องรีบไปรีบกลับนะ มิเช่นนั้นฝ่าบาทหาเจ้ามิเจอจะโมโหเอา”

“ข้ารู้แล้ว ข้าเพียงไปสนทนากับน้องสาวสักสองสามคำ”

อินชิงเสวียนกล่าวจบก็เดินไปทางวังเย็น

เมื่อเดินมาถึงหอฉงฮวา ก็ไม่มีคนจากราชวังเดินเพ่นพ่านไปมา

เดิมทีอินชิงเสวียนตั้งใจจะกลับไปยังวังเย็นก่อนค่อยเข้าไปในมิติ แต่เนื่องจากมีเหงื่อท่วมกายแทบทนมิไหว เมื่อมองซ้ายขวามิมีใครจึงได้เข้าไปในมิติ

อ่างอาบน้ำยังคงวางไว้ที่ข้างน้ำพุวิญญาณ อินชิงเสวียนตักน้ำมาใส่อ่างแล้วเข้าไปอาบอย่างสบายอารมณ์

น้ำพุวิญญาณนั้นปรับอุณหภูมิได้ตามสภาพผิว มิร้อนมิเย็นเกินไปกำลังดี

อินชิงเสวียนใช้ครีมอาบน้ำที่แลกมาตีฟองนุ่มแล้วแช่กายอยู่ในอ่าง เมื่อออกมาจากมิติจึงทำให้นางสดชื่นยิ่งนัก

เมื่อมองซ้ายขวาหาได้มีใครอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปในวังเย็น ทันใดนั้นเองที่หอฉงฮวาก็เปิดประตูใหญ่ออก

ซูฉ่ายเวยที่ปักปิ่นทอง มีนางในสองคนประคองอยู่ เดินตรงออกมา

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้าหากัน ซวยยิ่งนัก เหตุใดจึงต้องเจอนางอีกแล้ว

ซูฉ่ายเวยกลับดีอกดีใจ “เสี่ยวกงกง เป็นเจ้าเองหรือ!”

อินชิงเสวียนรีบโค้งกายเคารพ “คารวะหลิงผินเหนียงเหนียง”

ในใจกลับแอบด่าว่าวันนี้ซูฉ่ายเวยกินยาผิดมาหรือไร ถึงได้ยิ้มแย้มเช่นนั้น

ซูฉ่ายเวยเดินยิ้มมาอย่างยินดีแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างระมัดระวัง “บ่าวชื่อว่าเสี่ยวเสวียนจือ”

ซูฉ่ายเวยยิ้มขึ้นกล่าวว่า “เป็นชื่อที่ดียิ่งนัก เซียงหลาน รางวัล”

จากนั้นเซียงหลานก็หยิบหยวนเป่าชิ้นโตออกมาจากกระเป๋าชิ้นหนึ่ง

ใบหน้าของนางยิ้มแล้วกล่าวว่า “จากนี้ไปคงต้องฝากเหนียงเหนียงของเราให้เสี่ยวกงกงดูแลด้วย เงินนี้เป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเหนียงเหนียง”

อินชิงเสวียนรับเงินมาจึงได้กระจ่างแจ้ง

คงเป็นเพราะเย่จิ่งอวี้ให้ความสำคัญกับตน ดังนั้นซูฉ่ายเวยจึงเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้

เมื่อคิดได้ว่านางมีน้ำหอม แป้งและลิปสติกที่เพิ่งแลกมา มุมปากของนางก็เผยอขึ้นเล็กน้อย มาได้จังหวะพอดี

นางยิ้มแล้วกล่าวขึ้นทันใดว่า “เหนียงเหนียงวางใจเถิด หากมีโอกาส บ่าวจะเอ่ยความดีของท่านต่อหน้าฮ่องเต้ให้”

ซูฉ่ายเวยยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอขอบใจเสี่ยวกงกงล่วงหน้าด้วย”

อินชิงเสวียนกระแอมออกมาว่า “ทว่า หากท่านต้องการให้ฮ่องเต้โปรดปราน ก็ต้องใช้สิ่งของเข้าช่วย มิรู้ว่าหลิงปินเหนียงเหนียงจะยินดีจ่ายเงินเพื่อสิ่งนี้หรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์