สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 509

สายลมยามค่ำคืนเย็นสบาย

แสงจันทร์ที่สาดส่องเป็นเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ ขี้อายที่ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆ คอยส่องแสงสลัวๆ

แสงจางๆ และนุ่มนวลสะท้อนบนใบหน้างามหยาดเยิ้มของอินชิงเสวียน ทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามยิ่งขึ้น ดูงดงามที่เหนือมนุษย์

ข้างๆ คือเย่จิ่งอวี้ที่เดินเอามือไพล่หลัง เสื้อคลุมปลิวไสวตามสายลมยามราตรี เงาของร่างผึ่งผายกำยำนั้นทอดยาว

ทั้งสองคนเงียบไปตลอดทาง ไม่มีใครเอ่ยคำใด

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงตอนที่ไทเฮาถูกประหารชีวิต ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่บนถนนหินกรวดสายนี้ ในเวลานั้น พวกเขาดูเหมือนจะมีเรื่องให้พูดคุยกันอย่างไม่รู้จบ แต่วันนี้ เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนรู้สึกถึงความแปลกแยกของเย่‍จิ่ง‍อวี้

จนกระทั่งถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงหยุดเดิน

“เสวียน‍เอ๋อร์อยากคุยกับข้าเรื่องสำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ”

อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วพูดว่า “หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้ฝ่าบาทคง ไม่อยากฟังอีกแล้ว”

ปฏิกิริยาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ดูเหมือนจะช้าเกินไปครึ่งจังหวะ

“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าเป็นห่วงเรื่องสำนักศึกษาหลวงมาโดยตลอด หลายวันนี้เสวียน‍เอ๋อร์สอนเป็นอย่างไรบ้าง”

อินชิงเสวียนมองไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ น้ำเสียงเบาลงหลายส่วน

“ก็ดีเพคะ ใต้เท้าทุกท่านต่างก็กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ตอนนี้พวกเขาเริ่มได้รับความรู้แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเข้าใจความรู้เหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ และจะเก่งกว่าอาจารย์ที่สอนอีก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบรับเบาๆ และเดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเทียน แต่มาหยุดที่ประตูห้องด้านใน

อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง

“ฝ่าบาทมีอะไรจะถามอีกหรือไม่เพคะ”

เมื่อมองดูใบหน้านี้ที่เย็นเฉียบราวกับหิมะ ลูกกระเดือกของเย่‍จิ่ง‍อวี้ขยับ และเขาก็เม้มริมฝีปากบาง

“ไม่มี นี่ก็ดึกแล้ว เสวียน‍เอ๋อร์รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”

อินชิงเสวียนมองเขาอย่างลึกซึ้ง นัยน์ตาฉายแววจนปัญญา

เป็นเหมือนที่ตัวเองคิดไว้ไม่มีผิด เย่‍จิ่ง‍อวี้เริ่มเย็นชาต่อนางแล้ว พิษกู่นี้รุนแรงยิ่งนัก

“เพคะ เช่นนั้นฝ่าบาทก็รีบพักผ่อนเถิด หม่อมฉันขอทูลลา”

อินชิงเสวียนยอบกายคำนัยน้อยๆ เตรียมตัวจากไป

ทันใดนั้นก็เห็นหลี่เต๋อฝูวิ่งเข้ามาจากด้านนอก

“ฝ่าบาท อินจ้งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าต้องการให้หมอหลวงเหลียงไปที่จวน”

อินชิงเสวียนหันกลับมาแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

หลี่เต๋อฝูตอบ “นายท่านอินบอกว่า ประมาณสิบห้านาทีก่อน จู่ๆ คุณชายใหญ่อินก็อาเจียนเป็นเลือดไม่อยุด เหมือนจะไม่ไหวแล้ว”

อินชิงเสวียนตกตะลึง หรือว่าเขาจะเป็นเหมือนกับเย่จั้น ที่จู่ๆ ก็ถูกกู่แว้งกัด?

“ฝ่าบาท โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันออกจากวัง กลับจวนไปดูพี่ใหญ่ด้วยนะเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้ว

“เกิดอะไรขึ้น”

หลี่เต๋อฝูจีบคอแล้วพูดเสียงแหลมว่า “กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ คำพูดเหล่านี้ถ่ายทอดโดยทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูวัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หลี่เต๋อฝูเจ้าไปหาหมอหลวงเหลียงที่สำนักหมอหลวง เสวียน‍เอ๋อร์ถ้ากังวลเกี่ยวกับอาการของพี่ใหญ่เจ้า ก็กลับไปดูเถิด ข้าจะส่งทหารองครักษ์ไปคุ้มครองเจ้า”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”

อินชิงเสวียนออกจากตำหนักเฉิงเทียน และรีบไปที่ตำหนักจินหวู

เสี่ยวอานจื่อวิ่งตามหลังมาติดๆ

“พระสนมไปหาใต้เท้าไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ทำไมถึงกลับมาอีก”

“ข้าปล่อยให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอยู่ในวังคนเดียวไม่ได้ ข้าจะพาเขาออกไปด้วย”

จูอวี้เหยียนเป็นคนโหดร้ายทารุณ อีกทั้งสาวใช้ที่นางพามาด้วยนั้นเก่งวรยุทธ์ อินชิงเสวียนจะไม่ยอมให้นางมีโอกาส

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังจับหูไป๋เสวี่ยเล่น เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเขาก็ตะโกนอย่างมีความสุข “แม่ๆ~”

“แม่ทัพอิน ได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่ป่วย...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ อินจ้งกล่าวว่า “ใช่ ต้องรบกวนหมอหลวงเหลียงแล้ว”

ชีวิตช่วงเวลาความเป็นความตาย หมอหลวงเหลียงจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบออกเดินทางกันเถอะ”

“ได้”

อินจ้งเปิดม่านขึ้น และช่วยประคองทั้งหมอหลวงเหลียงและอินชิงเสวียนขึ้นรถม้า โดยที่คนขับคือเหล่าต่งที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาตลอด สิ้นเสียงแส้ ม้าก็ยกกีบขึ้นทันที และวิ่งบ่ายหน้าไปยังจวนแม่ทัพ

สิบห้านาทีต่อมา รถม้าก็มาจอดที่ประตูจวนแม่ทัพ

อินปู้อวี่กำลังรอพ่ออยู่ที่หน้าประตูจวน เมื่อเขาเห็นน้องสามอุ้มลูกเดินเข้ามา ก็พาคนหมดไปที่เรือนด้านหลังโดยไม่ได้หยุดถามด้วยซ้ำ

ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ

อินชิงเสวียนกลัวที่จะทำให้เด็กตกใจกลัว นางจึงฝากเขาใว้กับเสี่ยวอานจื่อ

เมื่อเข้าไปในห้องด้านใน ก็เห็นอินสิงอวิ๋นนอนเหยียดอยู่บนเตียง ดวงตาปิดสนิท มีเลือดออกทั้งเจ็ดทวาร

หมอหลวงเหลียงรีบพับแขนเสื้อขึ้น ก้าวไปตรวจชีพจรของอินสิงอวิ๋น แต่คิ้วของเขาขมวดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

หัวใจของอินจ้งเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

“หมอหลวงเหลียง สิงอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง”

หมอหลวงเหลียงลูบเครานิ่งเงียบไปนาน

“เส้นลมปราณของคุณชายใหญ่ถูกปิดกั้น เลือดลมไม่สะดวก ทำให้เลือดไหลล้นและพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด”

ตอนที่อินสิงอวิ๋นเพิ่งกลับมาถึง หมอหลวงเหลียงก็มาตรวจอาการเขาแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย ซึ่งทำให้หมอหลวงเหลียงเกิดความสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของตัวเอง ในที่สุดเขาก็เห็นปัญหาแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาไม่กล้าเป็นหัวหน้าหมอหลวงอีกแล้ว

หลังจากฟังคำพูดของหมอหลวงเหลียงแล้ว จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงเย่จั้นตอนที่โดนทำร้ายด้วยกู่กินหัวใจ นางได้ยื้อชีวิตของเขาด้วยการให้เขาดื่มน้ำพุวิญญาณ นางจึงรีบหยิบถ้วยเปล่าขึ้นมาทันที แล้วจัดการเทนำพุวิญญาณจากมิติ

“ท่านพ่อ ให้พี่ใหญ่ดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะ น้ำนี้ข้าได้มาจากยอดฝีมือผู้หนึ่ง มีฤทธิ์ในการรักษาโรค ช่วยชีวิต และรักษาอาการต่างๆ ให้ดีขึ้นได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์