ปกติแล้วอินจ้งก็เชื่อมั่นในคำพูดของอินชิงเสวียนอย่างมากอยู่แล้ว เขารีบช่วยพยุงร่างของอินสิงอวิ๋นขึ้น จับคางแล้วป้อนน้ำให้เขา
หมอหลวงเหลียงก็นั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ข้างๆ
“นี่คือใบสั่งยาสำหรับการเสริมแกร่งภายใน ลองเอามาต้มให้คุณชายใหญ่ดินดูก่อน”
อินปู้อวี่รับใบสั่งยา
“ขอบคุณท่านหมอหลวงเหลียง ข้าจะส่งคนไปซื้อยามาเดี๋ยวนี้”
หมอหลวงเหลียงลูบเคราแล้วพูดว่า “ตอนนี้เราทำได้แต่ต้องรอดูสถานการณ์พรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากันอีกที”
อินจ้งกล่าวขอบคุณหมอหลวงเหลียง แล้วไปส่งเขาออกจากจวนด้วยตัวเอง
ซูหมิงหลานนั่งข้างเตียง ทำความสะอาดเลือดบนใบหน้าของอินสิงอวิ๋น แล้วพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กัน ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย ถ้าไม่ออกจากเมืองซุ่ยหานก็คงดี คงไม่เป็นเช่นในตอนนี้”
เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็รู้ว่าอินจ้งไม่ได้บอกเรื่องของอินสิงอวิ๋นให้นางทราบ
นางจึงรีบเข้าไปปลอบว่า “ท่านแม่รองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ของข้าต้องไม่เป็นอะไร”
ซูหมิงหลานสูดจมูกแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผ่านด่านยากมากมายแล้ว ในที่สุดครอบครัวของเราก็ทนลำบากจนมามีความสุข แต่พี่ใหญ่ของเจ้ากลับเป็นโรคประหลาด น่าเป็นห่วงจริงๆ”
อินชิงเสวียนตบไหล่นางเบาๆ
“ทุกอย่างจะผ่านไป พี่ใหญ่ของข้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
ซูหมิงหลานพยักหน้า แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ทำไมพ่อเจ้าถึงพาเจ้าออกมาลำบากเช่นนี้ ถ้าขืนเจ้าเอาแต่ออกจากวังแบบนี้ ฝ่าบาทจะรู้สึกสบายใจหรือเปล่า”
อินชิงเสวียนตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ฝ่าบาททรงอนุญาตด้วยตัวเอง”
ซูหมิงหลานจับมือนางแล้วพูดว่า “ถึงอย่างนั้นก็ไม่ดี ถึงอย่างไรก็แต่งงานออกเรือนแล้ว ทั้งยังเป็นพระสนม ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน”
ช่วงนี้ อินชิงเสวียนออกจากวังค่อนข้างบ่อยก็จริง แต่ในช่วงกลางวันเป็นเพราะเรื่องงาน นางยังปลอมตัวเป็นผู้ชาย คนอื่นจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ออกมาทุกคืนเสียหน่อย ท่านแม่รองไม่ต้องเป็นห่วง”
ซูหมิงหลานถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าอดทนมาอยู่ในจุดนี้ได้ไม่ง่ายเลย ครอบครัวไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้ ยิ่งไม่อาจเป็นภาระของเจ้า”
อินชิงเสวียนนั่งลงข้างนางแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะพูดถึงเรื่องเป็นภาระได้อย่างไร วางใจเถอะ ข้าอยู่ในวังเรียบร้อยดีทุกอย่าง”
ในขณะที่พูด อินจ้งก็ส่งหมอหลวงเหลียงออกไป และเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี
เขามองไปที่อินสิงอวิ๋นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนักๆ วางนิ้วลงบนชีพจรของเขาทันที
เมื่อตรวจพบว่าชีพจรของเขาคงที่ ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้าอินชิงเสวียน
หรือว่าน้ำนั้นได้ผลจริงๆ
“ทำไมหรือเจ้าคะ”
อินชิงเสวียนถาม
อินจ้งกล่าวว่า “ชีพจรของพี่ใหญ่เจ้าสงบขึ้นมาก”
อินชิงเสวียนรู้สึกโล่งใจทันที
“นี่เป็นเรื่องดี ตราบใดที่ยังไม่พ้นขีดอันตราย พวกเราก็สามารถรับการรักษาขากหมอได้”
อินจ้งเหลือบมองซูหมิงหลานแล้วพูดว่า “หมิงหลาน เจ้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนจื่อลั่วก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับชิงเสวียนสองสามคำ”
“ได้ พวกท่านสองพ่อลูกอย่าอยู่นานนักล่ะ”
ซูหมิงหลานกำชับ แล้วเปิดประตูออกไป
รอจนกระทั่งนางเดินออกไป อินจ้งก็กล่าวว่า “ในเมื่อเราใม่รู้ว่าพี่ใหญ่เจ้าโดนกู่อะไร เราจึงทำได้เพียงไปหาผู้ที่เสกกู่ พ่อหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าเตรียมการให้ข้า ได้พบกับสตรีที่ชื่อจูอวี้เหยียน”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว
แม้ว่าจะพบกันก็คงจะไร้ประโยชน์อยู่ดี จูอวี้เหยียนไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยอินสิงอวิ๋นเท่านั้น แต่อาจจะเสนอข้อเรียกร้องเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าลูกสาวเงียบไป อินจ้งก็ยกเสื้อคลุมและคุกเข่าลงกับพื้น
“กระหม่อมขอร้องให้พระสนมโปรดช่วยเหลือด้วย หวังว่าพระสนมจะเห็นแก่ที่กระหม่อมทำสงครามมาหลายปี ช่วยเหลือกระหม่อมในครั้งนี้”
ฟางรั่วเม้มริมฝีปาก
“แม่นางเหยียนหงนอนแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปปลุกนางขึ้นมา ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”
อินชิงเสวียนก้าวขาเดินไปที่ประตู แต่ฟางรั่วก็เข้ามาขวางหน้าประตูทันที
“พระสนมได้สั่งสอนแม่นางไปแล้ว โปรดเมตตาด้วย”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“อย่างเจ้า ยังกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้”
พลังมิติได้รวบรวมไว้ในฝ่ามือของนางทันที อินชิงเสวียนก็ซัดฝ่ามือไปที่กลางอกของฟางรั่ว
ฟางรั่วไม่ทันตั้งตัว จึงกระเด็นเข้าไปในห้องทันที นางกระอักเลือด และล้มลงกับพื้น
อินชิงเสวียนก้าวเข้าไปในประตู แล้วพูดอย่างเย็นชา “ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด ทางที่ดีพวกเจ้าอย่ามาท้าทายความอดทนของข้า”
อินจ้งที่อยู่ข้างหลังอึ้งไปชั่วครู่ ชิงเสวียนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเช่นนี้ได้อย่างไร
จูอวี้เหยียนกำลังปรับลมปราณอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู นางก็ตกใจ กระโดดยืนบนพื้นด้วยเท้าเปล่าทันที
“มีอะไร”
อินชิงเสวียนได้เดินเข้ามาแล้ว
“จูอวี้เหยียน พวกเรามาพูดกันตามตรง ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมให้ยาแก้พิษกับข้า”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน จูอวี้เหยียนก็ยกริมฝีปากขึ้น รอยยิ้มลำพองใจ
มีเพียงรอยนิ้วมือสีแดงบนแก้ม ที่ทำให้ดูไม่มีรัศมีแห่งราชครู
นางเดินนวยนาดไปหาอินชิงเสวียน แล้วพูดติดตลกว่า “เจ้าคิดว่าเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ เมื่อเจ้ารู้จักตัวตนของข้าแล้ว ก็ควรรู้จุดประสงค์ของข้าด้วย ทางที่ดีอย่าคิดทำอะไรข้าอีก ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า พิษกู่ที่อินสิงอวิ๋นและฝ่าบาทได้รับ เป็นกู่ที่เลี้ยงดูด้วยโลหิตของข้า หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่รอด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...