จูอวี้เหยียนมองอินจ้งอย่างดูถูกเหยียดหยาม กล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้มีดสั้นแก่ท่าน ให้ท่านตายต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้ เมื่อใดที่ท่านตาย ข้าจะให้ยาถอนพิษแก่อินสิงอวิ๋น”
ใบหน้าของอินจ้งเหยเกบิดเบี้ยว
“ข้ากับแม่นางไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดแม่นางต้องทำถึงเพียงนี้ด้วย”
จูอวี้เหยียนเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน ในโลกนี้ ไม่มีใครเกลียดตระกูลอินมากไปกว่าข้าแล้ว”
อินจ้งมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในหัว ถามทันทีว่า “ทำไม”
จูอวี้เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ท่านก็กล่าวถึงตงเหอหยวนแล้ว รู้แล้วยังจะถามอีก หลังจากท่านจากไป หญิงแซ่จูผู้นั้นก็โศกเศร้าไม่เสื่อมคลาย จนเสียชีวิตบนเตียง นี่เป็นหนี้ของหนึ่งชีวิต หรือท่านไม่สมควรชดใช้กระนั้นหรือ”
อินจ้งถามด้วยความประหลาดใจ “ความจริงแล้วเจ้าก็คือ...”
จูอวี้เหยียนกล่าวอย่างรุนแรง “ไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินของท่าน อินจ้ง ออกไปซะ ข้าจะทำให้ลูกชายคนโตของท่านค่อยๆ ตาย แล้วมองดูลูกสาวของท่านถูกฝ่าบาทปลดออกจากฐานะสนม ข้าต้องการทำให้ตระกูลอินของพวกท่านตายไม่เหลือซาก เพื่อปลอบขวัญวิญญาณของหญิงแซ่จูในสวรรค์”
เมื่อได้ฟังคำพูดตัดเยื่อใยของจูอวี้เหยียนเช่นนี้แล้ว อินจ้งก็รู้สึกหมดหนทาง
ในฐานะบิดา จะเฝ้าดูลูกๆ ของตนตายได้อย่างไร เขาก้มลง แนบกายราบลงกับพื้น แล้วพูดอย่างศิโรราบ “แม่นาง บาปในอดีตข้าอินจ้งเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว บาปไม่ควรคืนสนองส่งถึงลูกหลาน อินจ้งยอมรับผิดและขอโทษด้วย ขอให้แม่นางมอบยาถอนพิษให้ข้า ข้ายินดีจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้”
จูอวี้เหยียนกระตุกมุมปากขึ้น
“ก็ได้ งั้นท่านจงตายซะเถอะ”
“แล้วยาถอนพิษ...”
จูอวี้เหยียนเอนกายบนเก้าอี้ตัวยาว แล้วพูดอย่างไม่อินังขังขอบ “นั่นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า”
“เจ้า...”
ใบหน้าของอินจ้งเปลี่ยนเป็นเขียวขุ่น
จูอวี้เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหน็บแนม “ท่านเอาแต่พูดว่าต้องการช่วยลูกๆ ของท่าน แต่กลับไม่ยอมสละชีวิตด้วยซ้ำ อินจ้งท่านช่างเป็นคนจอมปลอมจริงๆ”
อินจ้งพูดอย่างอดทน “ไม่ใช่ว่าอินจ้งไม่เต็มใจสละชีวิต หากแม่นางตกลงที่จะช่วยสิงอวิ๋น ข้าก็ยินดีที่จะมอบชีวิตให้กับแม่นาง”
จูอวี้เหยียนเหลือบมองเขาอย่างดูถูก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
อินจ้งกัดฟัน หยิบมีดสั้นออกมาจากรองเท้าหุ้มข้อเท้า
“หากแม่นางไม่เชื่อ อินจ้งก็จะให้แม่นางเห็นความจริงใจของข้า”
เขายกมือขึ้น แล้วจ้วงแทงขาตัวเอง
ในเวลานี้ มีมือขาวข้างหนึ่งยื่นออกมาข้างๆ คว้าข้อมือของอินจ้งไว้
“ท่านพ่อ ไม่ต้องไปฟังเรื่องเหลวไหลของนาง พิษกู่ไม่ใช่ว่านางจะกำจัดได้เพียงผู้เดียว ตอนนั้นจิ้งอ๋องถูกพิษกู่ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วไม่ใช่รึ”
เสียงของอินชิงเสวียนดังมาจากข้างๆ อินจ้ง พร้อมกับดึงฉวยร่างเขาขึ้นมา
นางติดตั้งกล้องวงจรปิดในหอซีอวิ๋นไว้แล้ว ดังนั้นนางจึงรู้เห็นสถานการณ์ภายในได้ชัดเจน นอกจากนี้ นางยังสามารถได้ยินการสนทนาระหว่างอินจ้งและจูอวี้เหยียนได้ชัดเจน
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้อธิบายคำพูดอย่างชัดเจน แต่อินชิงเสวียนก็ฟังออกว่า ระหว่างอินจ้งและจูอวี้เหยียนจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จักแน่ หากจะพูดในข้อที่เกินจริงไม่น่าเป็นไปได้กว่านี้หน่อยก็คือ จูอวี้เหยียนก็อาจจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับอินจ้ง...
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ดวงตาของจูอวี้เหยียนก็วาวโรจน์ในฉับพลัน แต่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล
“อินชิงเสวียน หากเจ้ามีวิธีจริงๆ เจ้าคงไม่พาอินจ้งเข้ามาในวัง ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า บัดนี้หนอนกู่ในร่างของอินสิงอวิ๋นตายแล้ว พิษกู่จะแพร่กระจายไปยังแขนขาทั่วร่างกายของเขา อย่างมากที่สุดในเจ็ดวัน เขาจะตายอย่างแน่นอน ข้าอยากรู้นัก ว่าเจ้าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเขา”
อินจ้งรู้สึกตึงเครียดอย่างอดไม่ได้
“ชิงเสวียน...”
“อย่าไปสนใจนางเลย ข้าคิดหาทางช่วยพี่ใหญ่ได้แล้ว เราไปกันเถอะ”
อินชิงเสวียนออกแรงดึงอินจ้งออกจากหอซีอวิ๋น
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว จูอวี้เหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกระสับกระส่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...