ดูเหมือนว่าชิงเสวียนไม่ได้โกหกเขา น้ำนี้ไม่ฤทธิ์ธรรมดาจริงๆ
นางได้สิ่งนี้มาจากที่ใด
เมื่อคิดถึงเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นที่ตัวเองไม่เคยได้ยินมาก่อน อินจ้งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
พอนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด อินชิงเสวียนในวันนี้ แตกต่างจากลูกสาวคนก่อนจริงๆ
อินชิงเสวียนในอดีตชื่นชอบเพลงดนตรี มีนิสัยชอบเก็บตัว วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องอื่น
เป็นเพราะเรื่องของตระกูลอินที่ทำให้นางเติบโตจนเป็นเช่นในวันนี้ หรือเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับตาลปัตรเช่นนี้
แต่ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม และนั่นคือความรู้สึกของนางที่มีต่อพวกเขา
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินจ้งก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ลำบากลูกๆ แล้ว
อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ต้องมาแบกรับภาระชีวิตที่ไม่ควรจะมี และเขาในฐานะพ่อ กลับไม่สามารถปกป้องลูกๆ ได้ ช่างน่าละอายใจต่อพวกเขาเหลือเกิน
ในขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ อินปู้อวี่ก็ล้างเนื้อล้างตัว แล้วเดินออกจากอ่างน้ำแล้ว
อินจ้งรีบหยิบเสื้อผ้ามาคลุมตัวให้อินปู้อวี่
“รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว อย่าให้เป็นหวัด”
อินปู้อวี่ตบอกผาง แล้วพูดว่า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ลูกไม่เป็นไร ตอนนี้รู้สึกแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ มิน่าเล่าน้องหญิงใหญ่ถึงได้กำชับนักหนา ว่าต้องให้เราสองพ่อลูกอาบน้ำนี้ เป็นของดีจริงๆ ท่านพ่อ ท่านก็รีบอาบน้ำเร็วเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก ในเมื่อน้ำนี้ดีมากพียงนี้ ก็เก็บไว้ให้พี่ใหญ่เจ้าใช้เถอะ”
หลังจากที่อินจ้งพูดจบ เขาก็เดินไปที่ห้องของอินสิงอวิ๋น ปลดโซ่ตรวนแล้วพาเขาออกมา
อินปู้อวี่รีบไปช่วยประคอง หลังจากสองพ่อลูกยื้อยุดกันอยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดชายทั้งสองก็อาบน้ำให้อินสิงอวิ๋นจนเสร็จ
เมื่อมองดูรอยเปื้อนบนร่างกายของพี่ใหญ่ อินปู้อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเอง จึงถามว่า “ท่านพ่อ นี่คืออะไร ลูกอาบน้ำทุกวัน ทำไมจึงมีโคลนเยอะขนาดนี้”
“อาจจะเป็นสิ่งสกปรกในร่างกายก็ได้ เอาล่ะ มาช่วยพยุงพี่ใหญ่ของเจ้าเข้าไปก่อน อีกอย่าง เรื่องนี้ห้ามเอาไปพูดกับผู้อื่น จะได้ไม่เกิดปัญหาไปมากกว่านี้”
ทั้งสองวางอินสิงอวิ๋นไว้บนเตียง แล้วมัดเขาไว้ด้วยโซ่เหล็ก
อินจ้งตรวจชีพจรของเขาสักครู่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นปกติแล้ว เมื่อไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตจึงไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงอีก
แต่พอคิดว่าอินชิงเสวียนยังอยู่ในวัง อินจ้งก็เริ่มเป็นห่วง หากจูอวี้เหยียนใช้พิษกู่จัดการกับนางล่ะ แล้วจะทำอย่างไรดี
โดยหารู้ไม่ว่าพิษกู่ที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงนั้น หามาได้ไม่ง่าย หากหาได้ง่ายๆ จูอวี้เหยียนคงลงมือกับอินชิงเสวียนแล้ว
ตอนนี้ นางกำลังเดินกลับไปกลับอยู่ในหอซีอวิ๋นอย่างกระวนกระวายใจ
ในเจียงวู นางต้องการลมก็ได้ ต้องการฝนก็ได้ฝน แต่เมื่อมาถึงต้าโจว กลับถูกควบคุมทุกทาง หากอินชิงเสวียนมีความสามารถในการกำจัดพิษได้จริง ชีวิตของนางคงตกอยู่ในอันตราย เมื่อใดที่กู่เสน่หาของเย่จิ่งอวี้ถูกกำจัด นางคงไม่ปล่อยตัวเองไปแน่ๆ
แม้ว่าจูอวี้เหยียนจะมีทักษะวรยุทธ์ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งเท่าอาซือหลาน ทักษะที่มีชื่อเสียงของนางคือกู่และยาพิษเท่านั้น
เมื่อไม่กี่วันก่อนนางสั่งให้คนไปโรยผงพิษบนตำหนักจินหวู แต่อินชิงเสวียนก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร หรือว่านางไม่กลัวยาพิษ?
นังสารเลวนี่ มีความสามารถมากจริงๆ
หากต้องการจัดการกับอินชิงเสวียน จำเป็นต้องทราบรายละเอียดของนาง และฝึกหนอนกู่ให้มาอยู่ในมือโดยเร็วที่สุด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จูอวี้เหยียนก็เรียกฟางรั่วเข้ามา แล้วกระซิบสองสามคำ
ฟางรั่วพยักหน้า เร้นกายเดินออกจากประตูตำหนัก
ฟางรั่วยิ้มประชด
“คุณชายกวนเป็นหลานชายแท้ๆ ของจอมพลใหญ่ บัดนี้กลับพูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวคนในใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเอาหรือ”
กวนเซี่ยวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ท่านพ่อและลุงของข้าล้วนเสียชีวิตในสนามรบ ท่านปู่ของข้าก็พิการด้วยเหตุนั้น หลังจากการสู้รบในเจียงวู ข้ารู้สึกว่าสงครามเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด วันนี้เจ้าฆ่าข้า พรุ่งนี้ข้าฆ่าเจ้าล้างแค้น แล้วข้าจะฆ่าเจ้าอีกวันมะรืนนี้ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการสิ้นเปลืองชีวิตมนุษย์ มิสู้ไปจากสถานที่ผิดชอบชั่วดีแห่งนี้ ไปหาสถานที่ที่มีภูเขาสวยทะเลใส ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลกันตามลำพัง”
ฟางรั่วตกตะลึงเล็กน้อย ราวกับว่านางไม่คาดคิดว่ากวนเซี่ยวจะพูดแบบนั้น แต่แล้วก็หัวเราะเยาะ “ข้าคิดเสมอว่าจอมพลเฒ่ากวนเป็นผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าหลานชายของเขาจะรักตัวกลัวตายเช่นนี้ แม้ว่าเจ้าและข้าจะอยู่คนละค่าย แต่ข้าก็ยังรู้สึกดูถูกคนขี้ขลาดเช่นเจ้า เจ้าไปซะ อย่ากลับมาอีก ข้าไม่มีทางไปกับเจ้า”
หลังจากที่ฟางรั่วพูดจบ นางก็เดินไปข้างหน้า แต่กวนเซี่ยวก็หยุดนางอีกครั้ง
“ฟางรั่ว ข้าไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ข้า...ข้าชอบเจ้าจริงๆ”
หลังจากรู้จักฟางรั่วมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่กวนเซี่ยวได้สารภาพความรู้สึกในใจ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย โชคดีที่ฟ้ามืด จึงมองไม่เห็นหน้าแดงๆ ของเขา
ทันใดนั้นฟางรั่วก็หัวเราะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก
“เจ้าชอบข้า ข้าต้องไปกับเจ้างั้นรึ กวนเซี่ยว ในใจของข้ารักใครใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ เจ้าคิดว่ามีข้อไหนที่ตัวเองจะเทียบกับท่านอ๋องของเราได้ ไม่จะหน้าตาหรือแผนการ เจ้าก็เทียบเขาไม่ติด อย่าเป็นคางคกหมายปองเนื้อหงส์ ข้าไม่ใช่คนที่จะให้เจ้ามาฝันลมๆ แล้งๆ”
หลังจากที่ฟางรั่วพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในความมืดโดยไม่หันกลับมามอง
นางเดินอย่างรวดเร็ว นิ้วที่จับจานไว้บีบแน่น
นางรู้ว่ากวนเซี่ยวเป็นคนดี นางรู้จักเขามานาน เขาไม่เคยสัมผัสนางเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
และนางเป็นผู้หญิงที่เคยถูกลงโทษด้วยการขี่ม้าไม้มาแล้ว ไม่สามารถมีลูกได้อีก
แม้ว่าตอนนี้ฟางรั่วจะไม่วาดฝันเรื่องของอาซือหลานแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายกวนเซี่ยวได้
ระหว่างนางกับเขา เมื่อไร้วาสนา ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...