วันต่อมา
อินชิงเสวียนมาถึงสำนักศึกษาหลวงตามปกติ ฉางจี้จิ่วและขุนนางอาวุโสหลายคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว
ทุกคนวางตำราเรียนไว้ข้างหน้า นั่งหลังตรงเหมือนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่เพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียน
หลังจากผ่านมาหลายวันแล้ว ทัศนคติของบัณฑิตเฒ่าทุกคนที่มีต่ออินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
ตอนแรกคิดแค่ว่าอินชิงเสวียนได้เข้ามารับหน้าที่นี้เพราะอาศัยเส้นสาย เหล่าผู้เฒ่าที่ยกตนว่าเป็นผู้ยึดมั่นในคุณธรรมเหล่านี้ จึงไม่มีผู้ใดเห็นนางอยู่ในสายตา
จนกระทั่งอินชิงเสวียนนำตำราเหล่านี้ออกมา ทำให้พวกเขาได้รับความรู้มากมายที่พวกเขาคิดไม่ถึง ทุกคนจึงเปลี่ยนมุมมองต่ออนุชนรุ่นหลังคนนี้ อาจารย์อินเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถ้าเขาสามารถอยู่ในสำนักศึกษาหลวงได้ตลอดไป ก็จะเป็นสิ่งดีที่เป็นประโยชน์ต่อใต้หล้าอย่างแท้จริง
ฉางจี้จิ่วได้เตรียมที่จะกราบทูลต่อฝ่าบาท ให้อาจารย์อินอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงต่อ
เมื่อเผชิญกับความกระตือรือร้นของผู้อาวุโสหลายคน อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือก นอกจากต้องทำตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลืมเรื่องยุ่งๆ เหล่านั้นไปชั่วคราว และบรรยายวิชาเรียนของวันนี้
ระหว่างพักเที่ยว ชายชราคนหนึ่งดื่มชาแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเมืองหลวง ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้มีคนแก่เสียชีวิตอีกคนแล้ว ขอกล่าวโดยไม่กลัวพวกเจ้าจะขบขัน ตอนนี้พอฟ้ามืดแล้ว ข้าก็ไม่กล้าออกจากบ้าน”
อินชิงเสวียนเงี่ยหูฟังทันที เมื่อวานนี้นางก็ได้เห็นแล้ว ทั้งยังค่อนข้างแน่ใจดด้วยว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของเย่จิ่งหลาน
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็น อินชิงเสวียนก็ยังอยากฟังเช่นกัน
ฉางจี้จิ่วลูบเคราแล้วพูดว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป ศาลต้าหลี่เริ่มสืบสวนเรื่องนี้แล้ว ใต้เท้าโจวผู้นั้นมีค่อนข้างมีความสามารถทีเดียว”
“ก็หวังเช่นนั้น ถ้าจับฆาตกรไม่ได้ ราษฎรก็สบายใจไม่ได้”
อีกคนพูดว่า “ใช่ ตอนนี้ทุกอย่างดูเป็นปกติดี แต่กลับเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีก”
ฉางจี้จิ่วพยักหน้าและกล่าวว่า “ฟังจากใต้เท้าหานบอกว่ามีการกระจายเมล็ดพืชจำนวนมากให้กับประชาชน และการผันน้ำของกรมโยธาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ได้ยินมาว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานของกุ้ยเฟย ฝ่าบาทได้สมรสกับพระสนมอินนับเป็นคู้สร้างสวรรค์แต่งอย่างแท้จริง บัดนี้อินจ้งก็ได้ลงนามในข้อตกลงยุติสงครามกับเจียงวู ชาวต้าโจวอย่างพวกเราก็สามารถมีความสงบสุขได้สักพัก”
อินชิงเสวียนที่กำลังฟังอยู่ อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากขึ้น เพียงแต่พอคิดถึงตระกูลอิน ก็ทำให้นางรู้สึกอัดอั้นตันใจขึ้นอีก
หากคำพูดของจูอวี้เหยียนเป็นจริง เช่นนั้นก็ไม่สามารถฆ่านางได้ เมื่อใดที่ถูกนางควบคุมไว้ จูอวี้เหยียนจะกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านี้แน่
ควรปรึกษาเรื่องนี้กับเย่จั้นก่อน แล้วจึงวางแผนอีกที
หลังจากฟังเรื่องซุบซิบมาสักพักแล้ว อินชิงเสวียนก็บรรยายบทเรียนต่อ เมื่อถึงยามเที่ยง นางก็เดินทางออกจากสำนักศึกษาหลวง พาฉินเทียนและหลี่ชีไปที่จวนจิ้งอ๋อง
เย่จั้นกำลังดื่มชาอยู่ในห้องโถง เมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนมา เขาก็ออกมาต้อนรับทันที
วันนี้เขายังคงแต่งกายด้วยชุดสีขาวพลิ้ว มวยผมปักปิ่นหยกขาว ดูเรียบง่าย สดชื่น แต่ไม่สูญเสียความสูงส่งของราชวงศ์
“กุ้ยเฟย”
เย่จั้นประกบมือคำนับ เพื่อเป็นการคารวะอินชิงเสวียน
“ท่านอ๋องอย่าได้เกรงใจ เรามาคุยเรื่องสำคัญดีกว่า”
“กุ้ยเฟยเชิญ”
เย่จั้นเบี่ยงตัวหลบ เชิญอินชิงเสวียนเข้าไปในห้องโถง
“ด้านเจ้าพบอะไรบ้างหรือไม่”
หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงตามลำดับแล้ว เย่จั้นก็เอ่ยถาม
อินชิงเสวียนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้เย่จั้นฟังอย่างละเอียด
และสิ่งที่นางให้ฟางรั่วไม่ใช่ยาพิษ เป็นเพียงยาลูกกลอนเหล่าโค่วที่ช่วยบำรุงธาตุที่แลกมาจากมิติเท่านั้น
เย่จั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สถานการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ลองดูก็จะรู้เอง จะปล่อยให้พวกนางจูงจมูกเช่นนี้ต่อไปไม่ได้”
“เมื่อมีวิธีการเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบด้วยการออกจากวังแล้ว”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แต่ถ้าไม่ออกจากวัง ด้วยวรยุทธ์ของฝ่าบาท เกรงว่าท่านและข้าอาจจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ทำได้เพียงใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเขา เพื่อให้ดำเนินการได้สะดวก”
นางหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตราบใดที่มีข่าวรั่วไหล สถานการณ์อาจกลับตาลปัตรได้”
เย่จั้นคิดอยู่นาน ซึ่งก็เห็นว่าเป็นจริงเช่นนั้น
เรื่องนี้ไม่สามารถระดมทหารองครักษ์และองครักษ์เงาในวังได้อย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
“ได้ ทำตามที่พระสนมบอก”
“เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องแล้ว”
อินชิงเสวียนประกบมือคำนับ จากนั้นก็พาคนออกจากจวนอ๋อง และไปที่ตระกูลอิน
อินจ้งเลิกประชุมเช้าแล้ว เมื่อเห็นอินชิงเสวียนกลับมา เขาก็ถามอย่างเป็นกังวลทันที “ช่วงนี้เจ้ากลับมาที่จวนบ่อยๆ จะทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยหรือไม่”
อินชิงเสวียนพูดอ่อนโยน “ไม่หรอกเจ้าค่ะ เช้านี้ลูกไปสอนที่สำนักศึกษาหลวง ขากลับแค่แวะมาเท่านั้น วันนี้พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง”
“เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ชีพจรนับว่าคงที่ บางทีน้ำของชิงเสวียนอาจได้ผลจริงๆ”
อินชิงเสวียนพูดอย่างยินดีปรีดา “ดีแล้ว ท่านพ่อกับพี่รองก็ควรแช่ตัวในน้ำพุวิญญาณด้วยสิเจ้าคะ ผู้มีวรยุทธ์เมื่อใช้น้ำพุวิญญาณนี้แล้วจะได้ผลที่คาดไม่ถึง บางทีใช้เวลาไม่นาน พิษกู่ก็จะถูกถอนออกได้”
“โอ้? หรือว่าชิงเสวียนมีวิธีแล้ว” อินจ้งถามทันควัน
อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตอนนี้มีแผนการแล้วเจ้าค่ะ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็พูดยาก ดังนั้นลูกจึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในยามนี้”
อินจ้งเหลือบมองนาง ทำท่าอึกอัก หลังจากผ่านไปนานหลายอึดใจก็พูดว่า “พ่อเชื่อว่าจิตเดิมแท้ของมนุษย์คือความดีงาม จูอวี้เหยียนไม่ใช่คนเลวแต่กำเนิดอย่างแน่นอน เจ้า...ต้องไม่ทำร้ายนางนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...