สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 516

“หรือว่าท่านพ่อมีความหลังอะไรกับจูอวี้เหยียนหรือเจ้าคะ”

อินชิงเสวียนเป็นคนที่เก็บคำพูดไม่อยู่ ใจคิดอย่างไรก็พูดออกมาตามนั้น

อินจ้งที่กำลังดื่มน้ำ พอได้ยินก็สำลักทันที

“ข้าจะไปมีความหลังอย่างไรกับนาง เจ้าอย่าคิดมาก พ่อแค่ไม่อยากให้หญิงสาวอายุน้อยอย่างนางต้องลำบากใจ ที่นางทำมาถึงทุกวันนี้ คงมีเรื่องราวลำบากที่ไม่มีใครรู้ได้ ไม่อย่างนั้นหญิงสาววัยแรกแย้มคนหนึ่ง คงไม่กลายเป็นคนเลวทรามขนาดนี้”

เห็นได้ชัดว่าเป็นการพยายามกลบเกลื่อนเรื่องบางอย่าง

ถ้าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจูอวี้เหยียน ไยต้องพูดแทนนางด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นคนที่ทำร้ายอินสิงอวิ๋น

“ท่านพ่อไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าคนน่าสงสารต้องมีส่วนที่น่ารังเกียจหรือไม่เจ้าคะ ในโลกนี้มีคนที่น่าสังเวชมากมาย ก็ไม่เห็นว่าทุกคนจำเป็นต้องไปแก้แค้นผู้อื่น เหตุผลที่เจียงวูก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องมีนางอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ หญิงชั่วช้าเช่นนี้ สมควรประหารชีวิต”

อินชิงเสวียนคิดว่า ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอินจ้งและจูอวี้เหยียนจะเป็นอย่างไร ในสายตาของนาง คนมีเพียงสองประเภทเท่านั้นคือดีและเลว

หากจะพูดถึงเหตุผล ไทเฮาก็ทำเพื่อความสัมพันธ์เช่นเดียวกัน หรือเพียงเพราะสามีของนางเสียชีวิต ลูกชายไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ แล้วจะเพิกเฉยต่อความผิดพลาดทั้งหมดที่นางกระทำงั้นหรือ

จูอวี้เหยียนไม่ใช่เด็กอายุสองสามขวบ นางต้องชดใช้สำหรับสิ่งที่นางได้กระทำลงไป

เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนพูดเช่นนั้น สีหน้าของอินจ้งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดแช่มช้า “ทุกคนมีสองด้าน เจ้าไม่สามารถตัดสินทุกอย่างตามอำเภอใจได้ จูอวี้เหยียนคนมีความสามารถจริงๆ หากนางสามารถทำประโชน์ต่อต้าโจวได้ จะมีผลดีแน่นอน”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชาเล็กน้อย

“ในต้าโต้ไม่มีเคยมีประวัติว่าสตรีเป็นขุนนางได้ นางจะมีประโยชน์อะไร หรือท่านพ่ออยากให้นางวางแผนในวังหลังออกอุบายให้ฝ่าบาท นำปัญหามาสู่ราชสำนักงั้นหรือ”

อินจ้งพูดทันควัน “พ่อไม่ได้หมายความอย่างนั้น พ่อแค่หวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตนาง”

“ท่านพ่อกับจูอวี้เหยียนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ อย่าบอกนะว่านางเป็นพี่น้องของข้า?”

อินชิงเสวียนจ้องตาอินจ้งเขม็ง ด้วยสายตาบีบเค้น

อินจ้งโต้กลับทันที “ไม่ใช่”

“เช่นนั้นก็ดี ไม่ว่าจะจัดการกับนางอย่างไร ก็ไม่ต้องรบกวนท่านพ่อแล้ว ครั้งนี้ข้าไม่ได้พาจ้าวเอ๋อร์ออกจากวังมาได้ ทิ้งเขาไว้ในวัง ลูกเป็นห่วง ต้องขอตัวกลับก่อน”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบนางก็ลุกขึ้นยืน

“ไม่อยู่กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปหรือ”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ โปรดบอกท่านแม่รองและจื่อลั่วด้วย ถ้าข้ามีเวลาว่าจะมาหาพวกนางใหม่”

ขณะมองตามแผ่นหลังของอินชิงเสวียน อินจ้งก็รู้สึกสับสนในใจ มีบางอย่างที่เขาไม่รู้จะพูดกับลูกๆ อย่างไรจริงๆ

ถ้าในวัยเด็กจูอวี้เหยียนได้รับความรักเหมือนชิงเสวียน นางคงไม่เป็นเช่นในวันนี้อย่างแน่นอน

พอนึกถึงอินสิงอวิ๋น หัวใจของอินจ้งก็สับสนอีกครั้ง

ในเวลานี้ อินชิงเสวียนได้ปีนขึ้นไปบนหลังม้าแล้ว

วันนี้นางไม่ได้พาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงออกมาด้วย เพราะตอนที่นางออกมาลูกยังหลับอยู่ อินชิงเสวียนทำใจปลุกเจ้าหนูจ้ำม่ำไม่ได้ จึงกำชับให้ทหารองครักษ์เฝ้าดีๆ ห้ามผู้ใดเข้ามาในตำหนักเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่วางใจ

จนกระทั่งเห็นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังนั่งอาบแดดอยู่ในรถเข็นเด็ก จึงก็รู้สึกโล่งใจได้

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปอุ้มลูกชายขึ้น แล้วเกลือกหน้าไปมากับใบหน้าเกลี้ยงเกลาดวงน้อยนั้น เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงรีบโอบคอของนางอย่างฉลาดเฉลียวทันที และทำปากมู่ทู่จูบแก้มของอินชิงเสวียน

เมื่อได้กลิ่นนมจางๆ บนร่างกายของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง อินชิงเสวียนก็ยิ้มอย่างมีความสุข

นางรู้สึกขอบคุณเจ้าของร่างเดิมมากที่ให้ลูกน้อยที่น่ารักเช่นนี้กับนาง เมื่อมีเขา ชีวิตของอินชิงเสวียนไม่เพียงแต่มีความสุขเท่านั้น แต่ยังมีความปรารถนา

ฉู่หลิงอวี้ถ่มเมล็ดแตงโมออกมา แล้วพูดว่า “อย่าใจร้อนสิ คงมีสักวันที่ถึงคราวของพวกเรา ความมั่งคั่งมหาศาลของเรายังคอยอยู่ข้างหลัง”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น และเริ่มพูดซุบซิบกันเกรียวกราว ราวกับว่าตัวเองกลายเป็นกุ้ยเฟยแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสีหน้าของแต่ละคนดูเคลิบเคลิ้มเพียงใด

ซูฉ่ายเวยที่อยู่หอฉงฮวาก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

นางเอนตัวบนเก้าอี้ตัวยาว หรี่ตาแล้วพูดว่า “หัวใจคนนี่หนอ เปลี่ยนเร็วจริงๆ ผ่านมาแค่ไม่นาน ฝ่าบาทก็หมางเมินกุ้ยเฟยไปแล้ว มีแต่เงินเท่านั้นที่ยังคงอยู่ และจะไม่มีวันทรยศเจ้า”

เซียงหลานที่กำลังบีบนวดขาให้ซูฉ่ายเวย เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็ถามหยั่งเชิงว่า “เช่นนี้แล้ว พระสนมยังต้องแบ่งผลประโยชน์หรือไม่”

ซูฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้ากำลังคิดอะไรอยู่เจ้าไม่รู้หรือ แทนที่จะชิงดีชิงเด่นหัวชนกันให้เจ็บตัว ไม่สู้ใช้ชีวิตตัวเองให้ดี แต่อย่างไรก็ตาม เราควรหาเวลาไปพบกุ้ยเฟยหน่อย ตอนนี้นางคงอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ แทนที่จะได้รับความโปรดปรานแล้วเสียไป มิสู้ไม่เคยได้รับยังจะดีเสียกว่า ทั้งยังทำให้สงบเงียบอีกด้วย”

เซียงหลานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พระสนมยังคงคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”

ซูฉ่ายเวยกล่าวว่า “ในวังหลัง ถึงไม่อยากคิดให้ทะลุปรุโปร่งก็ต้องคิดให้ทะลุปรุโปร่งอยู่ดี ไม่ต้องนวดแล้ว เจ้าไปเตรียมของกินเถอะ เราจะไปที่ตำหนักจินหวูกัน”

หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที สองนายบ่าวก็ออกจากหอฉงฮวา

บังเอิญเดินผ่านหน้าประตูหอซีอวิ๋น ข้างหอซีอวิ๋นมีสระบัวเล็กๆ อยู่ จูอวี้เหยียนพาสาวใช้สองคนไปชื่นชมปลาไนหลากสีในสระ

ต้องบอกว่าวังหลวงในต้าโจวนั้นดีมาก ไม่แห้งแล้งเหมือนเจียงวู ที่แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ยังต้องพักอยู่ในกระโจม

เมื่ออา‍ซือ‍หลานได้ครอบครองต้าโจว วังหลวงอันวิจิตรงดงามแห่งนี้ก็จะตกเป็นของพวกเขาทั้งสองอย่างแท้จริง

เมื่อคิดได้ดังนี้ จูอวี้เหยียนก็อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม

บังเอิญซูฉ่ายเวยเดินผ่านมา สาวใช้ที่ติดตามจูอวี้เหยียนไม่รู้จักทั้งสองคน แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าอันงดงามของซูฉ่ายเวย นางก็ไม่วายอิจฉาริษยา จงใจยกศอกขึ้นชนซูฉ่ายเวย

ซูฉ่ายเวยที่อยู่ๆ ก็ถูกชนจนตัวเซ นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เซียงหลานรีบเข้ามาปกป้องผู้เป็นนายทันที แล้วตำหนิเสียงเขียว “บ่าวบังอาจ กล้าชนพระสนมของเรา คุกเข่าขออภัยพระสนมของเราเดี๋ยวนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์