“ตอนนี้ขอพูดสักเรื่องหนึ่ง”
อินชิงเสวียนเหลือบมองนางอย่างเยือกเย็น เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วพูดว่า “ข้ามีความสนใจเรื่องพิษกู่ ขอเพียงเจ้าสอนวิธีการใช้และวิธีการแก้กู่เสน่หาให้ข้า ใบหน้าของเจ้าก็จะถูกรักษาไว้ได้”
จูอวี้เหยียนทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ฝันไปเสียเถอะ พิษกู่ต้องเลี้ยงด้วยเลือดบริสุทธิ์ จะเรียนรู้ภายในเวลาสั้นๆ ได้อย่างไรกัน”
อินชิงเสวียนพูดว่า “สามารถเรียนได้หรือไม่เป็นเรื่องของข้า ส่วนเจ้าจะสอนหรือไม่?”
“ต่อให้ข้ายินยอมจะสอนท่าน ท่านก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้”
จูอวี้เหยียนไม่ได้พูดโกหก หากสามารถฝึกฝนหนอนกู่ได้ง่ายดายขนาดนั้นจริงๆ นางคงฝึกนับร้อยนับพันตัว ควบคุมให้ฮ่องเต้และขุนนางต่างก็เชื่อฟังนางทุกคน ไม่จำเป็นต้องเปลืองเรี่ยวแรงเช่นนี้
“ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอม ทหาร ขูดหน้านางต่อไป”
ผู้คุมเรือนจำเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวในทันที
จูอวี้เหยียนหดคอกลับโดยไม่รู้ตัว สีหน้าซีดอย่างรวดเร็ว
แม้นางไม่เคยรักใครด้วยใจจริง แต่ก็เพลิดเพลินกับการที่ถูกผู้ชายไล่ตาม หากไร้ซึ่งใบหน้านี้ นางก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว
“อย่า ไม่เอานะ อินชิงเสวียน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสอนท่าน แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะฝึกฝนกันได้ภายในวันสองวัน”
อินชิงเสวียนมองนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับกำลังแยกแยะว่านางพูดจริงหรือเท็จ
จูอวี้เหยียนรีบพูดขึ้นว่า “ข้าสามารถให้สูตรลับในการทำดีนกยูงแก่ท่าน ได้หรือไม่?”
“สิ่งนั้นไม่สามารถทำร้ายข้าได้เลย เจ้าคิดว่าข้าจะเอามันมาเพื่ออะไร?”
“เช่นนั้นท่านต้องการสิ่งใด?”
ชีวิตของจูอวี้เหยียนถูกบีบอยู่ในมือของอินชิงเสวียน จึงต้องพยายามอดทนให้มาก
อินชิงเสวียนเดินไปมาบนพื้นสองก้าว ชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “ในเมื่อข้าเรียนรู้ไม่ได้ เช่นนั้นข้ายอมถอยหนึ่งก้าวก็ย่อมได้ แต่เจ้าต้องแสดงให้ข้าดูว่าเจ้าร่ายมนตร์กู่เสน่หาอย่างไร รวมทั้งการแก้พิษกู่เสน่หาด้วย”
จูอวี้เหยียนกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ หลายปีมานี้ ข้าเลี้ยงกู่เสน่หาเพียงตัวเดียว และได้ใช้กับเย่จิ่งอวี้แล้ว”
อินชิงเสวียนทำสีหน้าเสียดายและพูดว่า “เช่นนั้นก็ยากหน่อยนะ เจ้าไม่อาจเติมเต็มข้อข้องใจของข้าได้ ข้าคงทำได้เพียงมองดูใบหน้าที่มีชิ้นเนื้อหายไปของเจ้า มันจะเป็นอย่างไรกันนะ”
“ท่าน...”
จูอวี้เหยียนโกรธเกรี้ยวจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนต่างพูดกันว่าอินจ้งเป็นสุภาพบุรุษผู้ซื่อสัตย์ เหตุใดจึงให้กำเนิดบุตรสาวเช่นนี้ได้
“ทำไมหรือ? ไม่อยากให้ข้าดู พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมัวพูดพร่ำ”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนจะเรียกคนเข้ามาอีกครั้ง จูอวี้เหยียนก็รีบพูดตะโกนว่า “ได้ ข้าจะให้ท่านดูการแก้พิษกู่เสน่หา”
พิษกู่ของเย่จิ่งอวี้ถูกแก้แล้ว แม้นางคิดจะเอาพิมเสนไปแลกเกลือ เพื่อฆ่ากู่แม่ในร่างกาย ก็ไม่มีผลต่อเย่จิ่งอวี้ ซ่อนเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อีกทั้งนี่ยังเป็นการร่ายมนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีวิธีการที่ซับซ้อน แม้อินชิงเสวียนจะเห็น ก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้
“ท่านให้เขาปล่อยตัวข้าก่อน”
อินชิงเสวียนรู้สึกดีใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
“ปล่อยนาง”
ผู้คุมเรือนจำปล่อยตัวจูอวี้เหยียนทันที อินชิงเสวียนก็เปิดใช้พลังและความเร็วของมิติด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้จูอวี้เหยียนหนีไปได้
จูอวี้เหยียนรู้สึกได้ในทันทีว่ากิริยาท่าทางของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป จึงทำได้เพียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น และร่ายมนตร์แก้กู่เสน่หา
กู่แม่และกู่ลูกเชื่อมไว้ด้วยกัน ในระหว่างที่นางร่ายมนตร์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับของกู่ลูก จึงรู้สึกเชื่อมากยิ่งขึ้น
ไม่นึกว่าอินชิงเสวียนจะมีความสามารถมากขนาดนี้ หากนางเป็นผู้คุมตราแห่งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์...
จูอวี้เหยียนใจเต้นอย่างอดไม่ได้ และรีบร่ายมนตร์โดยไว
หลังจากนั้นสิบห้านาที นางก็ลุกขึ้นยืน
อินชิงเสวียนมองนางด้วยเส้นผมที่ปลิวไสว
“เสร็จแค่นี้เองหรือ?”
จูอวี้เหยียนพูดด้วยสีหน้าที่ยอมรับชะตากรรมว่า “ถูกต้อง อินชิงเสวียน ท่านมีฝีมือมากทีเดียว เมื่อครู่ข้าไม่รู้สึกถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของกู่ลูก หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์พวกท่านช่างสมคำร่ำลือเสียจริง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อินชิงเสวียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แย่แล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...