อินชิงเสวียนพยักหน้า
“ใช่ หรือเจ้าอยากไปที่ไหนหรือไม่”
เย่ไห่ถังกัดริมฝีปาก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสด็จพี่สะใภ้ ท่าน...ไม่อยากเยี่ยมที่บ้านหรือ”
อินชิงเสวียนประหลาดใจ
“เจ้าอยากไปบ้านท่านพ่อข้างั้นหรือ”
เย่ไห่ถังพยักหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่เคยเห็นว่าคนธรรมดาเป็นอย่างไร เสด็จพี่สะใภ้พาข้าไปดูได้หรือไม่”
อินชิงเสวียนไม่ค่อยอยากกลับบ้าน เพราะถ้าอินจ้งเห็นนาง เขาจะถามถึงจูอวี้เหยียนแน่นอน
ตัวเองไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อจูอวี้เหยียน แต่อินจ้งนั้นแตกต่างออกไป หากเขารู้ว่าจูอวี้เหยียนมีสภาพน่าสมเพชเพียงนั้น แม้จะไม่พูดออกมา แต่ในใจเขาคงจะรู้สึกแย่แน่ๆ
เย่ไห่ถังแสดงทักษะการออดอ้อนของนางทันที กระตุกแขนเสื้อของอินชิงเสวียนแล้วพูดว่า “ไปนะ ไปดูหน่อยนะเจ้าคะ”
อินชิงเสวียนจนปัญญากับท่าทางการอ้อนของนาง จึงพยักหน้า
ฉินเทียนและหลี่ชีต่างคอยทำตามคำสั่งอินชิงเสวียน ย่อมไม่ถามมาก ครั้นแล้วอีกสิบห้านาทีต่อมา รถม้าก็หยุดที่หน้าประตูจวนแม่ทัพ
เด็กรับใช้ที่เฝ้าหน้าประตูเข้าไปรายงานทันที ครู่ต่อมา อินปู้อวี่ก็เดินออกจากเรือน
เมื่อเห็นว่าเป็นอินชิงเสวียน อินปู้อวี่ก็ดีใจมาก
“น้องหญิงใหญ่ เข้ามาเร็ว”
อินชิงเสวียนเห็นว่าเขาเป็นคนบุ่มบ่าม จำเย่ไห่ถังไม่ได้ นางจึงรีบพูดว่า “พี่รอง ถวายพระพรองค์หญิงไห่ถังก่อน”
เมื่อนั้นอินปู้อวี่จึงตระหนักได้ว่ามีผู้เยาว์คนหนึ่งยืนอยู่ข้างน้องหญิงใหญ่ ก่อนนี้ยังนึกว่าเป็นองครักษ์คนใหม่ในวังเสียอีก
จึงรีบโค้งคำนับแล้วพูดว่า “อินปู้อวี่ถวายพระพรองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาคู่งามของเย่ไห่ถังเหลือบมองเขา บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
“แม่ทัพน้อยอินไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
อินปู้อวี่ยืดตัวขึ้น แล้วพาทั้งสองเข้าไปในเรือน
“ท่านพ่อล่ะ”
เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า ยังไม่เห็นอินจ้ง อินชิงเสวียนจึงเอ่ยถามขึ้น
อินปู้อวี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านพ่อพาท่านแม่รองและน้องหญฺงเล็กไปเยี่ยมตระกูลซู”
อินชิงเสวียนถามด้วยความฉงน “เห็นบอกว่าท่านแม่รองไม่ถูกกับตระกูลซูไม่ใช่รึ ทำไมยังต้องไปเยี่ยมอีก”
“ก็มีคนที่ถูกกันบ้าง ท่านแม่รองคิดถึงความหลัง จึงอยากไปดูหน่อย”
แม้ว่าอินปู้อวี่จะเป็นคนตรงๆ แต่เขาก็รู้มารยาท ริน้ำชาให้เย่ไห่ถังด้วยตัวเอง
“เชิญองค์หญิง”
“ขอบคุณแม่ทัพน้อยอินมาก”
เย่ไห่ถังรับถ้วยชามาอย่างยินดี แล้วกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
ที่อยู่อาศัยของตระกูลอินไม่ใหญ่นัก แต่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่น ต่างจากวังหลวง ที่ถึงแม้จะมีผู้คนมากมายในวัง แต่ก็ให้ความรู้สึกโดเดี่ยวอ้างว้างอยู่เสมอ
อินชิงเสวียนถามอีก “สองวันนี้ พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง”
อินปู้อวี่นั่งข้างๆ แล้วพูดว่า “ก็ยังเหมือนเดิม คิดอะไรไม่ออก แต่ก็เริ่มกินข้าวแล้ว สีหน้าดูดีขึ้นมาก”
“เช่นนั้นก็ดี ตราบใดที่คนไม่เป็นอะไร สักวันคงจำได้เอง”
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงเย่จิ่งหลานที่ออกความคิดให้นาง แต่แล้วก็ส่ายศีรษะ หากจะใช้อิฐทุบศีรษะคนก็ออกจะสะเพร่าไปหน่อย ถ้าเกิดทุบไปแล้วสมองกระทบกระเทือน จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรอกหรือ
“ข้าจะไปดูเขา ท่านพาองค์หญิงไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะ”
อินชิงเสวียนยืนขึ้น เย่ไห่ถังก็ยืนขึ้นตาม
พูดอย่างกระตือรือร้น “ดีเลย!”
อินปู้อวี่รับคำสั้นๆ แล้วพูดกับคนข้างๆ “องค์หญิงเชิญพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มอันสดใสของสาวน้อยคนนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางคงไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาเพื่อพบพี่รองเป็นพิเศษหรอกนะ
อย่างไรก็ตามพี่รองของนางกลับเป็นเหมือนท่อนไม้ ไม่เข้าใจความรักเลย เมื่อได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง อินชิงเสวียนก็รู้สึกราวกับเห็นไกด์นำเที่ยวในยุคปัจจุบันเลย
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างจนใจ จากนั้นเดินมาถึงสวนหลังบ้านเพียงลำพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...