อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนทันที
“นางไปนานแค่ไหนแล้ว”
ใบหน้าของอวิ๋นฉ่ายซีดลงด้วยความหวาดกลัว
“ก็ประมาณ...สิบห้านาทีเพคะ”
ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดมน
“รีบไปตามหา”
ในเวลานี้ จังอวี้จิ่นกำลังอุ้มเด็กยืนตัวสั่นอยู่
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ ร่างทั้งร่างสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง
จังอวี้จิ่นก็ไม่รู้ว่าจะพาเด็กไปที่ไหน นางมาอยู่ในวังไม่นาน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ นางจึงหาสวนเล็กๆ และมาซ่อนอยู่ในนั้น
เสี่ยวหนานเฟิงคิดว่าจังอวี้จิ่นกำลังเล่นกับตัวเอง จึงหัวเราะพลางคว้าเส้นผมของนางเล่น
เมื่อเห็นเด็กน่ารักเช่นนี้ จังอวี้จิ่นก็ทำไม่ลงอีก
เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ พระสนมก็เป็นคนดี นางแค่ต้องการให้พระสนมมอบตัวอินสิงอวิ๋นผู้ชั่วร้าย ไม่เคยต้องการทำร้ายผู้ใด
เมื่อคิดได้ดังนี้ จังอวี้จิ่นก็สงบจิตใจได้มาก
นางกำลังจะรอนางกำนัล ให้นางไปแจ้งพระสนมที่ตำหนักจินหวู
ขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
จังอวี้จิ่นรู้สึกกระวนกระวายใจทันที กอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่น
แล้วจึงได้ยินเสียงอ่อนหวานพูดว่า “ดูนี่สิ ดอกไม้ในตำหนักกำลังจะเหี่ยวแห้งไป อีกไม่นานฤดูเหมันต์จะเยือนแล้ว”
เสียงหนึ่งพูดประจบขึ้นว่า “ถึงเป็นฤดูเหมันต์ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ สวนเรายังมีดอกบ๊วยสีแดงตัดสีขาวบานสะพรั่ง งดงามยิ่ง นี่เป็นความงามที่ไม่มีในตำหนักใดเลย”
“ก็แค่ดอกบ๊วยผุๆ พังๆ มีอะไรน่าดู เห็นจนเบื่อเต็มทนแล้ว ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว ถือโอการเดินชมสวนตอนที่ดอกไม้อื่นๆ ยังบานสะพรั่งอยู่ดีกว่า”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของจังอวี้จิ่นยิ่งเต้นระรัว เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังเข้ามาใกล้ จังอวี้จิ่นก็กัดฟัน แล้วยืนขึ้นจากพงหญ้า
“อย่าขยับ”
ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือสตรีสองคน คนหนึ่งปักปิ่นทองหยกเขียว แต่งกายหรูหรา ผ้าแพรไหมสีม่วงสะท้อนยามต้องแสงแดดจ้า
ส่วนคนข้างๆ แต่งกายในชุดนางกำนัล ช่วยพยุงเจ้านายที่อยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง
สองคนนี้คือลู่จิ้งเสียน หลานสาวของไทเฮา และชุ่ยจู่สาวใช้ผู้ชั่วร้าย
นับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของไทเฮา ลู่จิ้งเสียนไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว เมื่อเห็นว่าวันนี้อากาศดี นางจึงพาชุ่ยจู๋ออกมาเดินเล่นอาบแสงแดด
ขณะที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆ ก็เห็นคนคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้า พวกนางสะดุ้งตกใจทันที
แต่พอเห็นเด็กที่นางอุ้มอยู่ ช่างดูคล้ายเจ้าเด็กเปรตของอินชิงเสวียนมาก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงง
“เจ้าคือใคร”
จังอวี้จิ่นเพิ่งมาถึง ไม่รู้จักลู่จิ้งเสียนเลย นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่น แกล้งทำเสียงดุร้าย
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร รีบไปส่งความถึงตำหนักจินหวู บอกข้าว่าองค์ชายน้อยอยู่ในมือของข้า ขอให้กุ้ยเฟยมอบตัวอินสิงอวิ๋นออกมาเดี๋ยวนี้”
ลู่จิ้งเสียนรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง
ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลักพาตัวลูกของอินชิงเสวียน
สาวน้อยคนนี้มีความสามารถมากทีเดียว
“เจ้ามีความแค้นกับอินสิงอวิ๋นงั้นหรือ”
ลู่จิ้งเสียนก้าวไปข้างหน้า
จังอวี้จิ่นก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังทันที
“หยุดนะ อย่าเข้ามา”
ชุ่ยจู๋กำลังจะด่าทอ แต่ลู่จิ้งเสียนหยุดนางไว้
“น้องสาวไม่ต้องกลัว เราไม่ได้มีเจตนาร้าย ทำไมไม่ไปที่ที่พักของข้าก่อนล่ะ แล้วข้าจะให้ชุ่ยจู๋ไปแจ้งอินชิงเสวียน”
เมื่อนึกถึงอินชิงเสวียนที่ตบหน้าตัวเองหลายฉาด ลู่จิ้งเสียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น นี่คือลูกของนาง ถ้าไม่ทรมานให้สาสม คงรู้สึกไม่ดีที่จะมอบของขวัญให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...