เลือดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากมือเล็กป้อมของเสี่ยวหนานเฟิง เด็กก็เริ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทันที
ลู่จิ้งเสียนรู้สึกหฤหรรษ์
อินชิงเสวียน นังสารเลว
ต้องมีตอนที่ตกอยู่ในกำมือของข้าเข้าสักวัน
ถึงอย่างไรเด็กก็เป็นหญิงชั้นต่ำนี่ขโมยมา แม้ว่าอินชิงเสวียนจะตรวจสอบ ก็ตรวจสอบมาไม่ถึงนาง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของลู่จิ้งเสียนเย็นชา และแทงแรงๆ อย่างไม่ยั้งมือ...
ด้านนอกตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนพาเหล่าขันทีนางกำนัลตามหาทั่ววัง ในไม่ช้าเย่จิ่งอวี้ก็ทราบเรื่อง
เมื่อทราบว่าลูกหายตัวไป เขาก็เรียกรวมพลทหารองครักษ์ทันที สั่งการให้ไปตรวจค้นทุกที่
“เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล เด็กคนนั้นไม่รู้วรยุทธ์ หนีออกจากวังไม่ได้แน่”
อินชิงเสวียนจะไม่กังวลได้อย่างไร แม้ว่านางกับลูกของนางจะไม่มีความสัมพันธ์แม่ลูกที่แท้จริง แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากพอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ถึงไม่ใช่แม่ลูก แต่ก็มากกว่าคำว่าแม่ลูกไปไกลแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตายังไม่วายแดงก่ำ
“จังอวี้จิ่นกับจ้าวเอ๋อร์ไม่มีความแค้นต่อกัน นางไม่มีเหตุผลที่จะลักพาตัวจ้าวเอ๋อร์ไป ต้องถูกใครบางคนหลอกแน่”
เย่จิ่งอวี้จับร่างที่สั่นเทาของนางแล้วกล่าวปลอบ “เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่านางจะซ่อนอยู่ที่ใด ข้าต้องตามหานางให้พบให้ได้”
อินชิงเสวียนกลั้นน้ำตาและพยักหน้า ทันใดนั้นนึกถึงไป๋เสวี่ยที่ยังนอนหลับอยู่ในตำหนัก จึงพูดทันที “ไป๋เสวี่ยมีประสาทรับกลิ่นเฉียบไว ทั้งยังฉลาดแสนรู้มาก หากให้มันไปตามหา อาจจะเร็วกว่า”
นับตั้งแต่ไป๋เสวี่ยย้ายไปอยู่ที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับมันมากนัก เมื่อรวมกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกวันนี้ เย่จิ่งอวี้จึงเกือบลืมสุนัขตัวนี้ไป
“ถูกต้อง เรากลับไปที่ตำหนักจินหวูกันเถอะ”
เย่จิ่งอวี้โอบกอดอินชิงเสวียน ใช้วิชาตัวเบา เร่งรุดไปยังตำหนักจินหวู
ในช่วงเวลานี้ ชีวิตของไป๋เสวี่ยสุขสบายมาก ได้กินอาหารสุนัขแสนอร่อยทุกวัน ดื่มน้ำพุวิญญาณ และสามารถออกไปเดินเที่ยวเตร่อย่างสบายอารมณ์ พอง่วงก็กลับมานอนบนเบาะรองนั่ง ใช้ชีวิตดีกว่าเทพเซียนด้วยซ้ำ
ซึ่งตอนนี้ก็กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้องโถงด้านข้าง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ไป๋เสวี่ยก็ยกหัวสุนัขอันใหญ่โตขึ้นมา พอเห็นอินชิงเสวียน ก็กระโดดขึ้นอย่างมีความสุข ยกอุ้งเท้าปุกปุยกอดเอวของนาง
อินชิงเสวียนตบหัวมัน แล้วพูดโดยเร็ว “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเล่น ลูกชายข้าหายไป เจ้ารีบไปตามหาให้ที”
นางหยิบชุดที่เสี่ยวหนานเฟิงเคยใส่ออกมา เพียงแต่เป็นชุดที่ซักไปแล้ว ในเนื้อผ้าจึงมีกลิ่นหอมของน้ำยาซักผ้า
ไป๋เสวี่ยไม่ได้ดมกลิ่นด้วยซ้ำ มันเห่าและวิ่งออกไปข้างนอก
อินชิงเสวียนรู้ว่าสุนัขตัวนี้ฟังเข้าใจ นางจึงพูดกับเย่จิ่งอวี้ “ฝ่าบาท เรารีบตามมันไปเถอะเพคะ”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า กอดอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขน แล้วทะยานออกไปด้วยวิชาตัวเบา ไล่ตามไปติดๆ
ตำหนีกจิ้งอัน
มือเล็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงถูกทิ่มแทงจนมีเลือดไหลเปรอะ เมื่อเห็นเด็กที่ร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ลู่จิ้งเสียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูออกมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจรู้สึกสบายใจแค่ไหน
นางไม่สามารถจัดการกับอินชิงเสวียนได้ แล้วจะไม่สามารถจัดการกับเจ้าเด็กเปรตอายุไม่ถึงขวบปีคนนี้ได้งั้นหรือ
เมื่อเห็นเสี่ยวหนานเฟิงถูกแทงจนน้ำตาร่วงเผาะๆ มือน้อยเต็มไปด้วยเลือด จังอวี้จิ่นก็ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พริบตาเดียวนางก็ดิ้นจนหลุดจากการควบคุมของบ่าวไพร่พวกนั้น แล้วโถมตัวเข้าใส่ทันที
“คืนเด็กให้ข้าเถอะ เจ้าจะทำแบบนี้กับเขาไม่ได้”
ลู่จิ้งเสียนเตะนางออกไป เหล่านางกำนัลรีบรุดไปข้างหน้าทันที ช่วยกันจับตัวจังอวี้จิ่นกดไว้กับพื้น
“ไพร่ชั้นต่ำ ข้าอยากจะทำอย่างไร ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
จังอวี้จิ่นดิ้นรนอย่างอดไม่ได้ ตะโกนให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ปล่อยเด็กไปเถอะ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์”
“หุบปากโง่ๆ ของเจ้าไปซะ”
เหล่าหมัวมัวเฒ่าเปิดปากของจังอวี้จิ่น แล้วยัดผ้าขี้ริ้วใส่ปากนาง
จังอวี้จิ่นยังคงต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยเสี่ยวหนานเฟิงให้ได้
ยิ่งนางดิ้นรนเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็ยิ่งสนุกกับการทุบตีนางมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...