อินชิงเสวียนเหลือบมองท้องฟ้า ก็เห็นว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กๆ ของจ้าวเอ๋อร์แล้วจูบอย่างอ่อนโยน
“เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องไปหรอก จะได้ไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกระหว่างพ่อลูกของพวกเจ้า”
อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายศีรษะ
ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากัน อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้
จุดจบของสายลับเต็มไปด้วยความเศร้าสลดเสมอ การไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนก็นับว่าเมตตามากแล้ว
“ไม่ต้องหรอกเพคะ หลบก็หลบไม่พ้นอยู่ดี”
เย่จิ่งอวี้จ้องมองนางและถามอย่างอบอุ่น “เสวียนเอ๋อร์คงไม่คิดว่าวิธีการของข้าโหดร้ายเกินไปหรอกกระมัง”
อินชิงเสวียนคลี่ยิ้ม
“ไม่ใช่แน่เพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนที่แยกแยะผิดถูกไม่ได้ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว เป็นการปกป้องความปลอดภัยของต้าโจว”
เย่จิ่งอวี้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาหอมแก้มของนางเบาๆ
เสี่ยวหนานเฟิงรีบยื่นหน้าออกไปใกล้ๆ เช่นกัน
“เด็จพ่อ จะหอมหอม~”
ใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง พูดค้อนๆ “ฝ่าบาทอย่าสอนเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ลูกสิเพคะ”
“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เข้าใจอะไรหรอก”
เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอย่างอารมณ์ดี เสี่ยวหนานเฟิงก็ส่ายศีรษะทันที
พูดเสียงแจ๋วๆ “ไม่เข้าจาย”
เมื่ออินชิงเสวียนเห็นท่าทางน่ารักรักน่าเอ็นดูของลูก นางก็หัวเราะขำๆ
“หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับเพคะ หากฝ่าบาทยังไม่ได้ทำอะไร ก็อยู่รอที่ตำหนักจินหวูก่อนเพคะ”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็พาเสี่ยวอานจื่อและองครักษ์ไม่กี่คนมุ่งหน้าไปยังคุกหลวง
ทันทีที่เข้าไปในประตูก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของลู่จิ้งเสียน
“ปล่อยข้าออกไป ข้าเป็นหลานสาวของไทเฮา เป็นสนมที่ฝ่าบาทอภิเษกสมรสอย่างถูกต้อง พวกเจ้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ คือความผิดฐานบ่าวล่วงเกินนาย สมควรถูกประหารทั้งตระกูล”
เมื่อผู้คุมเห็นอินชิงเสวียน เขาก็เข้ามาคำนับทันที
“ถ้าพระสนมรำคาญ กระหม่อมจะไปปิดปากนางเดี๋ยวนี้”
อินชิงเสวียนพูดเรียบๆ “ไม่จำเป็น นางตะโกนได้อีกไม่นานหรอก ไปพาจูอวี้เหยียนออกมาให้ข้า”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คุมก็หิ้วตัวจูอวี้เหยียนซึ่งมีเลือดท่วมกายออกมา
“ไปตามนางกำนัล มาเปลี่ยนชุดสะอาดให้นาง”
จูอวี้เหยียนกล่าวด้วยสีหน้าประชดประชัน “เจ้ากลัวว่าอินจ้งเห็นข้าในสภาพนี้แล้วจะตำหนิเจ้างั้นหรือ ฮ่าๆ ที่แท้เจ้าก็เป็นแค่เต่าหดหัวในกระดอง กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ”
อินชิงเสวียนมองดูนางด้วยสายตาเย็นชา
“ที่ข้าเปลี่ยนชุดให้เจ้า เพราะเห็นใจสตรีด้วยกัน มิใช่เพราะกลัวใคร หากเจ้าอยากออกไปเจอท่านพ่อของข้าในสภาพนี้ ข้าก็ย่อมไม่คัดค้าน”
จูอวี้เหยียนกัดฟันกรอด
สตรีทุกคนหวังว่าตัวเองจะสวยสดงดงามตลอดไป และจูอวี้เหยียนผู้รักความงามก็ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้ จูอวี้เหยียนก็หุบปาก ปล่อยให้นางกำนัลที่เสี่ยวอานจื่อพามาด้วยเช็ดหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แต่โดยดี
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี อินชิงเสวียนจึงสั่งให้ทหารองครักษ์พาตัวจูอวี้เหยียนไปที่ประตูวัง
อินจ้งกำลังตั้งตาคอยอยู่ที่ประตู
ช่วงเช้าเขาและซูหมิงหลานไปเยี่ยมตระกูลซู เมื่อกลับมาจึงรู้ว่าอินชิงเสวียนพาองค์หญิงมา พอไม่ได้พบลูกสาว อินจ้งอดเสียดายไม่ได้ พอคิดว่าใกล้จะได้เจอจูอวี้เหยียนในไม่ช้า ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง
ตอนอาหารมื้อเย็น เขาเรียกอินสิงอวิ๋นและอินปู้อวี่มาด้วยกัน และเล่าเรื่องจื่อลั่วให้ลูกชายสองคนฟัง
ซูหมิงหลานรู้อยู่แล้ว นางเป็นสตรีที่ค่อนข้างหัวโบราณ ซึ่งถือว่าสามีเป็นใหญ่ ย่อมไม่พูดอะไรมาก อีกอย่างเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่เพิ่มตะเกียบเพิ่มข้าวอีกชามก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...