สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 56

อินชิงเสวียนรู้ว่านางกำลังสงสัยอะไร ในความจริงเรื่องนี้มันก็อธิบายได้ยาก ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปในทิศทางอื่น

“ฮว๋าเซี่ยเป็นประเทศใหญ่ทางตะวันออก อุดมไปด้วยทรัพยากร และที่นั่นก็ยังมีพืชผักอีกมากมายที่คนที่นี่มิเคยเห็นมากก่อน”

ขณะที่พูดก็หยิบเมล็ดพืชผักออกมาจากอ้อมแขนของตนเอง

“สิ่งเหล่านี้คือเมล็ดพืช หากท่านขุดดินและสามารถปลูกมันขึ้นมาได้ ท่านก็จะมีผักพวกนี้ไว้กินในฤดูใบไม้ร่วง”

เหล่าหลิวไท่ไท่รับเมล็ดพันธุ์พืชมา แววตาของนางยังคงจ้องมองไปยังเมล็ดข้าวและแป้งสาลี ไม่รู้ว่าจะกินมันได้อย่างไร

อินชิงเสวียนเข้าใจความคิดของนาง เมื่อคิดจะช่วยเหลือแล้วแน่นอนว่าต้องช่วยให้ถึงที่สุด นางพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อทำกับข้าวให้กับคนทั้งครอบครัวกิน ตุ๋นมะเขือยาวให้กับพวกนาง ผัดพริกกับลูกพลับเข้าด้วยกัน กลิ่นเปรี้ยวฉุนโชยออกมาทำให้ชื่นใจ

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่ได้ทานอาหารที่รสชาติอร่อยถึงเพียงนี้ อดใจปล่อยให้อาหารเหลืออยู่ไม่ได้ อาหารทุกชามว่างเปล่า พวกเด็กๆ กอดชามไว้ ไม่อยากที่จะปล่อยมันไป เหล่าหลิวไท่ไท่ดุพวกเขาจนเสียขวัญพร้อมกับแย่งชามกลับมาจากพวกเขา

เมื่อจ้องมองเด็กสามคนที่ร่างกายผอมบาง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร จึงมอบช็อกโกแลตให้กับพวกเขาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

เด็กทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับก้มศีรษะให้อินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนรีบพยุงพวกเขาขึ้น จากนั้นทำบะหมี่มาจำนวนหนึ่งเพื่อให้เหล่าหลิวไท่ไท่ลองชิมดู

ที่จริงวิธีการรับประทานแป้งนั้นมีอยู่มากมาย แต่ขนมเบื้องไม่มีน้ำมัน อบหมั่นโถวก็ต้องทำให้แป้งนุ่มฟู มีเพียงการทำบะหมี่เท่านั้นที่ค่อนข้างง่ายและสามารถตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานได้

เหล่าหลิวไท่ไท่ใจจดใจจ่ออยู่กับมัน จดจำทุกขั้นตอนไว้ในใจโดยไม่ตกหล่นแม้แต่ขั้นตอนเดียว

หลังจากสอนเหล่าหลิวไท่ไท่เสร็จแล้ว อินชิงเสวียนก็ถามออกมาอีกว่า “ท่านยาย หากจะให้ท่านออกไปขายธัญญาหาร ท่านจะสามารถทำได้หรือไม่”

เหล่าหลิวไท่ไท่ผงะอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

อินชิงเสวียนยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “ที่จริงข้ายังมีข้าวและแป้งพวกนี้อีกมากมาย แต่ข้าเป็นเพียงขุนนางที่ต่ำต้อยในอีกพื้นที่อื่น มิอาจออกมาจากวังได้ หากร่างกายของท่านยังแข็งแรง สามารถช่วยข้านำออกไปขายได้ เงินที่ได้มาพวกเราจะนำมาแบ่งกันคนละครึ่ง”

ธัญพืชในมิตินั้นโตเร็วมาก ไม่กี่วันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ การปล่อยไว้ให้มันเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย เพียงแต่เหล่าไท่ไท่ก็อายุมากแล้ว มิรู้ว่านางสามารถทำได้หรือไม่

ได้ยินคำพูดดังกล่าว ดวงตาของเหล่าหลิวไท่ไท่เป็นประกายโดยไม่รู้ตัว นางตบหน้าอกและกล่าวออกมาว่า “ร่างกายของข้ายังแข็งแรง สามารถนำออกไปขายได้ แต่จะขายในราคาชั่งและเท่าไหร่”

“ท่านลองดูตามความเหมาะสม จากนั้นก็นับจำนวนเอาไว้ ข้าจะเป็นคนมาคิดบัญชีในแต่ละเดือน”

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนเชื่อใจตนเองถึงเพียงนี้ เหล่าหลิวไท่ไท่จึงรู้สึกขอบคุณและตื่นเต้น นางยืดหลังตรง กล่าวว่า “อย่ามองว่าข้าเป็นคนอายุมาก ที่จริงเมื่อก่อนข้าเคยทำงานค้าขายอยู่ในตลาด มิว่าจะเป็นชั่งน้ำหนักหรือทำบัญชี ข้าก็สามารถทำได้ทั้งนั้น”

อินชิงเสวียนเห็นว่านางไม่ได้หลังค่อม แววตาก็มิได้พร่ามัว ไม่น่ามีปัญหาอะไร ดังนั้นจึงปล่อยให้นางเป็นคนจัดการเรื่องนี้

เมื่อพูดคุยตกลงกันเสร็จก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ตอนแรกอินชิงเสวียนคิดที่จะลองเดินทางไปร้านขายเครื่องประทินโฉมเพื่อดูว่าสามารถขายอะไรได้อีกหรือไม่ แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องเท่านั้น

ในวันต่อมา นางตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มากำชับกับเหล่าไท่ไท่อีกครั้ง

หากตนพาใครกลับมา จะต้องให้ความสนใจกับนางโดยเรียกนางว่าลูกชาย ในตอนที่จะจากไปก็ต้องแสร้งทำเป็นเศร้าโศก จากนั้นกำชับให้เด็กทั้งสามคนเรียกตนเองว่าพ่อ

หลังจากนัดแนะกันมาเป็นเวลาหนึ่งคืน เด็กทั้งสามคนก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอินชิงเสวียนเหมือนในตอนแรก ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ

“พวกข้ารู้แล้ว ท่านพ่อ”

เหล่าหลิวไท่ไท่เองก็กล่าวออกมา “วางใจเถอะ พวกข้าจำได้แล้ว”

การที่เดินทางมายุคโบราณครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นแม่คนเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นพ่อคนอีกด้วย ขอถามหน่อยว่าใครบ้างที่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้

อินชิงเสวียนลูบศีรษะของเด็กทั้งสามคนด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน กล่าวออกมาด้วยความอบอุ่นว่า “ดีมาก เช่นนั้นพ่อขอตัวไปทำงานก่อนนะ”

หลังจากเตรียมการต่างๆ แล้ว อินชิงเสวียนก็เดินตามถนนที่ทอดยาวเพื่อไปยังโรงเตี๊ยมหลายฝู

เสี่ยวอานจื่อกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องโถง เขาทานอาหารเจ็ดแปดอย่างเพียงลำพัง

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เสี่ยวอานจื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ

“เสี่ยวเสวียนจือ......”

เขาเพิ่งตะโกนออกมาก็ได้นำมือขึ้นปิดปาก เกรงว่าคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองเป็นขันที จึงรีบเปลี่ยนคำพูดออกมาอีกครั้ง “คุณชายเสวียน เจ้ามาสักที”

อินชิงเสวียนกลอกตาขาว นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางบีบเข้าหากัน อีกสามนิ้วที่เหลือกางออก ใครบ้างจะดูไม่ออก เลิกเสแสร้งได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์