สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 560

“คนที่เจ้ากำลังพูดถึงไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า คนผู้นี้มีนามว่าอา‍ซือ‍หลาน เป็นท่านอ๋องจากเจียงวู เขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สังหารพวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน ต้องเป็นเพราะเขากลัวว่าข่าวการมีชีวิตของเขาจะถูกเปิดเผย หากเจ้ายังไม่เชื่อ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตระกูลอิน ดูให้เห็นกับตาว่าอินสิงอวิ๋นตัวจริงหน้าตาเป็นอย่างไร”

เสียงของอินชิงเสวียนราบเรียบได้ระดับ

จังอวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

“ที่พระสนมพูด...ล้วนเป็นความจริงหรือ”

อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยความโกรธ “พระสนมจะปดเจ้างั้นรึ หากพระสนมต้องการจัดการเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คำโกหกเหล่านี้มาหลอกเจ้าไม่ใช่รึ”

จังอวี้จิ่นเหงื่อแตกพลั่กอย่างอดไม่ได้

ตัวเองเกือบจะทำร้ายคนดีแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดไม่สบายใจ โขกศีรษะขออภัยอินชิงเสวียนซ้ำๆ

“หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ หม่อมฉันเข้าใจผิดว่าพี่ใหญ่ของพระสนม เกือบจะทำร้ายองค์ชายน้อย พระสนมโปรดลงโทษด้วย”

เมื่อเห็นจังอวี้จิ่นโขกศีรษะจนช้ำและมีเลือดออก อินชิงเสวียนก็ทนไม่ไหว

เด็กคนนี้ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ นางแค่อยากแก้แค้นเท่านั้น หากเป็นตัวเองที่เผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ ก็คงสับสนไปหมดเช่นกัน

ถึงอย่างไรภาพที่ทั้งหมู่บ้านถูกสังหาร นางยังเห็นด้วยตาของตัวเอง ก็จะกลายเป็นฝันร้ายที่จะคงอยู่ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

นางถอนหายใจ ดึงจังอวี้จิ่นขึ้นมา

“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าก็มีความแค้นกับอา‍ซือ‍หลานเหมือนกัน ข้าจะช่วยเจ้าทำให้เขาได้รับโทษแน่นอน”

จังอวี้จิ่นรู้สึกซาบซึ้งใจ แล้วนางก็คุกเข่าโขกศีรษะอีกสามครั้ง จากนั้นลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม

เสี่ยวอานจื่อก็กลับมาตอนนี้พอดี พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พระสนม จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“อืม พรุ่งนี้ค่อยเอาเลือดนางออกอีก ปล่อยให้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้”

นางไม่ได้อยากแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในวังหลังเลยด้วยซ้ำ แต่นางจะไม่ให้อภัยผู้ที่ทำร้ายคนของตัวเอง โดยเฉพาะเด็กที่เกิดแลกมาด้วยชีวิตของเจ้าของร่างเดิม

เสี่ยวอานจื่อตอบทันที “พระสนมโปรดวางใจ กระหม่อมรับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างดี”

จังอวี้จิ่นที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

แม้แต่ในสนมในวังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กุ้ยเฟยยังสามารถจัดการได้ นับประสาอะไรกับตัวเอง ถือว่าพระสนมใจดีกับตัวเองมากแล้ว ต่อไปจะต้องดูแลชีวิตประจำวันของพระสนมให้ดีเพื่อเป็นการตอบแทนอย่างแน่นอน...

วันต่อมา

อินชิงเสวียนตื่นแต่เช้าตรู่ ผลัดเปลี่ยนชุดบุรุษ เตรียมตัวไปสำนักศึกษาหลวง

บทเรียนเหล่านี้ไม่สามารถสอนให้จบได้ภายในวันสองวัน หากต้องการเปลี่ยนรูปแบบการศึกษาของแคว้นต้าโจวโดยสิ้นเชิง ถือเป็นงานที่ยาวนานและยากลำบากจริงๆ

ตอนที่อินชิงเสวียนคิดแนวคิดนี้ขึ้นมา นางก็เตรียมตัวเตรียมใจแล้ว

แต่นางก็ไม่เสียใจเลย เพราะสวรรค์อนุญาตให้นางข้ามมิติมายังยุคสมัยนี้ นางต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างหลัง เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเคยมา

หากสิ่งเหล่านี้สามารถส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปได้ ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

หลังจากจัดเก็บของเรียบร้อย อินชิงเสวียนก็พร้อมที่จะออกจากวัง เมื่อนางเปิดประตู ก็เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้เดินเข้ามาพอดี

เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวใบไผ่ที่มีลวดลายไม่มากนัก มีเพียงหยกขาวสองชิ้นห้อยอยู่รอบเอว เมื่อประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลาและยิ้มแย้มของเขา ทำให้รู้สึกสดชื่นราวกับหนุ่มน้อยข้างบ้านผู้อบอุ่น

“เสวียน‍เอ๋อร์จะออกไปแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนเอียงคอพูดว่า “ใช่เพคะ ประเดี๋ยวใต้เท้าเฒ่าเหล่านั้นจะหาว่าหม่อมฉันทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ อีก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉางจี้จิ่วอุทิศชีวิตเพื่อศึกษาความรู้ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เสวียน‍เอ๋อร์อย่าโกรธเขาเลย แม้ว่าคนผู้นี้จะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็ยังพิถีพิถันในการทำงาน ไม่เคยผิดพลาด หายากมากจริงๆ”

อินชิงเสวียนยักไหล่พูดว่า “หม่อมฉันไม่ได้โกรธพวกเขา แค่ไม่อยากถูกจู้จี้ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าเฒ่าเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ หม่อมฉันคงไม่ไปแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ดีแล้ว วันนี้ข้าไม่มีอะไรทำ จะไปกับเสวียน‍เอ๋อร์ด้วย ถือโอกาสฟังการบรรยายของกุ้ยเฟยน้อยของข้าด้วย”

“ได้สิเพคะ แต่จ้าวเอ๋อร์...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์