บนถนนเทียนเต็มไปด้วยของที่น่าตื่นตาตื่นใจ ต้องการสิ่งใดก็มีทุกอย่าง ซึ่งร้านข้าวของเหล่าหลิวไท่ไท่ก็อยู่ที่ด้านบนสุดของถนนเทียนเช่นกัน
ในเมื่อออกมาแล้ว อินชิงเสวียนจึงตัดสินใจแวะเข้าไปดู
พอเข้าไปในร้านก็เจอลูกค้ากำลังซื้อข้าว หลานสาวคนโตกำลังช่วยทำงานอยู่ ไม่ได้เจอนางแค่เพียงพริบตาเดียว กิริยาวาจาของต้าฮวาก็เรียบร้อยมากขึ้น
มีเด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นอยู่ข้างๆ ต่างถือขนมน้ำตาลปั้นอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่าชีวิตเริ่มดีขึ้นจริงๆ
หลิวเหล่าไท่ไท่เคยเห็นอินชิงเสวียนในชุดบุรุษแล้ว จึงปรี่เข้ามารับอย่างมีความสุขทันที
“คุณชายเสวียน เชิญเข้ามานั่งเร็ว”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่นั่งแล้ว ข้าแค่เข้ามาดูเฉยๆ”
หลิวเหล่าไท่ไท่คิดว่านางมาที่นี่เพื่อเก็บเงิน จึงรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รอข้าสักครู่”
หลังจากพูดจบก็วิ่งไปที่เรือนด้านหลัง แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาจากถุงข้าวที่มีรหัสลับ
“นี่คือรายได้ในช่วงนี้ ข้าไม่ได้เก็บเศษเงินไว้เลย”
นางดึงดันจะให้เศษเงินเล็กไปด้วยทุกครั้ง แต่อินชิงเสวียนก็ปฏิเสธทุกครั้ง เหล่าหลิวไท่ไท่จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรวบรวมเศษเงิน และแลกทั้งหมดเป็นตั๋วเงินให้
“ไม่ต้องรีบร้อน ที่ท่านยังมีธัญพืชพอขายหรือไม่”
หลิวเหล่าไท่ไท่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “รับไปเถอะ เอาไว้นี่ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้ยังพอมีธัญพืชอยู่บ้าง”
“ได้ ประเดี๋ยวค่ำๆ ข้าจะส่งมาให้อีก”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบนางก็รับตั๋วเงิน
ตอนนี้ซูฉ่ายเวยซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในวังได้พัฒนามาเป็นตัวแทนขายสินค้าของนางแล้ว ฉู่หลิงอวี้ที่ค่อนข้างร่ำรวยก็ถูกขังอยู่ในวังเย็น นายหญิงที่เหลือไม่กี่คนก็มีกำลังซื้อธรรมดา ถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ
หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบกับหลิวเหล่าไท่ไท่แล้ว อินชิงเสวียนก็พาพี่น้องออกจากร้าน
อินจื่อลั่วถามด้วยความสงสัยทันที “พี่หญิง ร้านข้าวนั้นเป็นของท่านหรือ”
อินชิงเสวียนพยักหน้า
“เป็นของข้าเอง ต่อไปหากที่บ้านต้องการข้าวหรือแป้งหมี่ ก็สามารถมาเอาที่นี่ได้เลย”
อินจื่อลั่วกะพริบตาแล้วพูดว่า “พี่หญิงสุดยอดเลยเจ้าค่ะ”
อินสิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะมองดูน้องหญิงใหญ่อีกครั้ง ไม่คาดคิดว่านางจะมีทรัพย์สินอยู่ในเมืองหลวง
อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ ทว่าในใจยังคงคิดหารายได้
ตอนนี้รายได้ในวังหลวงไม่มากนัก ร้านข้าวของหลิวเหล่าไท่ไท่คนเดียวก็ทำเงินได้ไม่มาก ดังนั้นจึงต้องพัฒนาการค้าด้านอื่นๆ
สิ่งแรกที่อินชิงเสวียนนึกถึงคือซูหมิงหลาน นางมาจากครอบครัวเก่งการเย็บปักถักร้อยที่มีชื่อเสียง และทักษะการเย็บปักถักร้อยยังยอดเยี่ยมมาก หากนางสามารถเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้ คงมีผลประโยชน์ไม่เลวเลย
แม้ว่าจะมีผ้าแพรปักขายในต้าโจว แต่สีก็มีสีเดียว ต้องปักลวดลายเพิ่มเพื่อแสดงถึงความสูงศักดิ์ แต่อินชิงเสวียนมีผ้าปักพิมพ์ลายที่ทันสมัยมากมาย ยังมีการไล่ระดับสี แถมยังมีภาพสลักสามมิติด้วย ถ้านำของเหล่านี้ออกมา จะสามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างแน่นอน
คะแนนสะสมในตอนนี้ก็ไม่มีการกระเตื้องขึ้นเลย อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะท้อแท้ ไม่คิดอยากสะสมอีกแล้ว หาเงินก่อนดีกว่า
นอกจากนี้นางยังต้องการเปิดร้านหรูหราโบราณอีกด้วย
อย่างเช่นพวก ลิปสติก น้ำหอม บลัชออน รวมไปถึงของเล็กๆ น้อยๆ เช่น นาฬิกาพก พัดไม้จันทน์จำพวกนี้ ขายของในวังไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ถ้าเอาออกมานอกวัง ย่อมเป็นที่ของที่ผู้คนนิยมแน่นอน
ถึงกระนั้นการที่จุหาผู้จัดการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
อินชิงเสวียนใคร่ครวญอย่างหนัก ในที่สุดก็รู้สึกว่าเหลาต่งของตระกูลอินก็ดูเข้าท่า เขาอายุปูนนี้แล้ว ไม่เหมาะที่จะอารักขาบ้านได้อีก ไม่สู้เปิดร้านให้เขา เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข
อินชิงเสวียนพลางเดินพลางคิด สายตาก็มองดูร้านค้าทั้งสองฝั่งของถนนเทียนไปด้วย ถ้าเจอสิ่งที่เหมาะสม นางก็จะซื้อทันที
อินปู้อวี่ไม่รู้ว่าน้องหญิงใหญ่กำลังดูอะไรอยู่ เขาจึงมองไปรอบๆ ตาม แต่จู่ๆ อินสิงอวิ๋นก็หยุดชะงัก
“มีอะไรหรือพี่ใหญ่”
อินปู้อวี่ถามอย่างฉงน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...